ธุรกิจการตลาด

MINT โชว์ฟอร์มแกร่ง! ราว 4 พันล้าน +74% มั่นใจ H2/67 ธุรกิจยังแกร่ง

5 ส.ค. 67
MINT โชว์ฟอร์มแกร่ง! ราว 4 พันล้าน +74% มั่นใจ H2/67 ธุรกิจยังแกร่ง

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 โดดเด่นด้วยกำไรสุทธิที่พุ่งสูงขึ้นถึง 74% แตะ 3,969 ล้านบาท จากปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่แข็งแกร่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

บทความ SPOTLIGHT นี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดผลประกอบการ และกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่น่าสนใจของ MINT 

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่โดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 74% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 3,969 ล้านบาท ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจและความสามารถในการปรับตัวของ MINT ท่ามกลางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก

MINT โชว์ฟอร์มแกร่ง! ราว 4 พันล้าน +74% มั่นใจ H2/67 ธุรกิจยังแกร่ง

โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในไตรมาส 2 ปี 2567 คือ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในยุโรปและอเมริกาที่เข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ความต้องการเดินทาง เพื่อการพักผ่อนและธุรกิจที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPar) ของโรงแรมในภูมิภาคนี้เติบโต 8% แม้ว่าปีที่แล้วจะมีฐานที่สูงอยู่แล้วก็ตาม

MINT โชว์ฟอร์มแกร่ง! ราว 4 พันล้าน +74% มั่นใจ H2/67 ธุรกิจยังแกร่ง

นอกจากนี้ โรงแรมในประเทศไทยก็มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ที่ RevPar เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากตลาดหลักอย่าง สหรัฐอเมริกา จีน ยุโรป อินเดีย และออสเตรเลีย

โรงแรมในสมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยมี RevPar เติบโต 32%, 10%, และ 11% ตามลำดับ นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมภายใต้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ก็ประสบความสำเร็จจากป๊อป มาร์ท ซึ่งปัจจุบันมี 6 สาขาในกรุงเทพฯ และมีส่วนช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ไตรมาส 2 ปี 2567 โชว์กำไร

ในไตรมาส 2 ปี 2567 ไมเนอร์ ฟู้ด ยังคงรักษาผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหลักของบริษัท ทั้งในประเทศไทยและสิงคโปร์ ซึ่งมียอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales) เติบโต 7.4% และ 12.8% ตามลำดับ ผลลัพธ์ดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงสถานะผู้นำตลาดของไมเนอร์ ฟู้ด ในทั้งสองประเทศ ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้มาจากความสำเร็จของโปรแกรมสร้างความภักดีของลูกค้า และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ตลาดร้านอาหารฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ซิซซ์เลอร์ได้นำเสนอเมนูคอมโบสลัดบาร์บุฟเฟ่ต์และโปรตีนยอดนิยม ขณะที่เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ได้เปิดตัว BiTE ซึ่งเป็นอาหารจานเดียวที่เหมาะสำหรับการสั่งกลับบ้าน

โดยยอดขายต่อสาขาเดิมของซิซซ์เลอร์และเดอะ พิซซ่า คอมปะนี เติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 7.1% และ 2.8% ตามลำดับ นอกจากนี้ การได้ประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ยังช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทฯ และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกิจการร่วมค้ายังส่งผลให้ไมเนอร์ ฟู้ด สามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง MINT ยังสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนลงเหลือ 0.96 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 จาก 1.01 เท่า ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการทางการเงิน แม้ว่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในการยกระดับอสังหาริมทรัพย์ การรีแบรนด์ และการจ่ายเงินปันผล 0.32 บาทต่อหุ้นในไตรมาส 2 ปี 2567

MINT เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวโรงแรมใหม่ในหลายประเทศ พร้อมรุกตลาดอินโดนีเซีย

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 MINT ได้ดำเนินการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวโรงแรมใหม่ภายใต้รูปแบบการเช่าบริหารในประเทศฟินแลนด์ และโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหารในแอฟริกาใต้ มัลดีฟส์ ศรีลังกา และไทย นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวโรงแรมเอ็นเอช แห่งแรกในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ และโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหารของ เอ็นเอช และ เอ็นเอช คอลเลคชั่น อีก 4 แห่งในศรีลังกาและมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นตลาดที่ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้ดำเนินธุรกิจในรูปแบบที่บริษัทเป็นเจ้าของเองอยู่แล้ว

MINT โชว์ฟอร์มแกร่ง! ราว 4 พันล้าน +74% มั่นใจ H2/67 ธุรกิจยังแกร่ง

นอกจากนี้ MINT ได้ขยายสาขาของ แดรี่ ควีน ไปยังเมืองใหม่ๆ ในประเทศอินโดนีเซีย เช่น บาหลีและบันเติน ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการมองเห็นศักยภาพการเติบโตในตลาดอินโดนีเซีย กลยุทธ์การขยายธุรกิจทั้งในส่วนของโรงแรมและร้านอาหารนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตของ MINT โดยเน้นโมเดลธุรกิจแบบ Asset-Light และการสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ

ครึ่งปีหลังคาดกระแสเงินสดแข็งแกร่ง สภาพคล่องดี อัตราหนี้สินต่อทุนลดลง

MINT โชว์ฟอร์มแกร่ง! ราว 4 พันล้าน +74% มั่นใจ H2/67 ธุรกิจยังแกร่ง

นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของ MINT ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2567 โดยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากช่วงไฮซีซั่นในยุโรปและเอเชีย ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ แบรนด์ระดับพรีเมียม และสินทรัพย์ที่หลากหลายในพอร์ตโฟลิโอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดการณ์ว่าจะมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งจะช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงอย่างต่อเนื่อง

ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรกของปี 2567 และกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน MINT จึงเป็นบริษัทที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมโรงแรมและร้านอาหาร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การดำเนินงานที่แข็งแกร่ง การบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ และวิสัยทัศน์ในการขยายธุรกิจ ทำให้ MINT มีความพร้อมที่จะเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT