สินทรัพย์ดิจิทัล

บลจ. วรรณส่ง Bitcoin ETF กองทุนแรกของไทย เปิดขายต้้งแต่วันนี้-6 มิ.ย.นี้

4 มิ.ย. 67
บลจ. วรรณส่ง Bitcoin ETF กองทุนแรกของไทย เปิดขายต้้งแต่วันนี้-6 มิ.ย.นี้

กองทุน Bitcoin ETF เริ่มเปิดตัวและรองรับในหลายประเทศแล้วนั้น ล่าสุด ‘บลจ. วรรณ’ เปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF กองแรกในประเทศไทย หลัง Spot Bitcoin ETF ผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานกำกับดูแลระดับสากลของสหรัฐฯ และฮ่องกง ผ่านการคัดเลือกหน่วยลงทุน ETF 11 กองทุนชั้นนำระดับโลกที่มีขนาดใหญ่ การันตีสภาพคล่องและความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจากการจัดเก็บเหรียญที่มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งเปิดเสนอขายกองทุน ONE-BTCETFOF-UI วันนี้ ถึง 6 มิถุนายน 2567

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ เผยว่า การนำร่องกองทุน Bitcoin ETF กองแรกของไทย มาจากการเล็งเห็นสินทรัพย์ทางเลือกดังกล่าว มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์การเงินอื่นๆ ต่ำ จึงเหมาะสำหรับการช่วยกระจายการลงทุนได้ อีกทั้งตลาด Bitcoin ETF ถูกยอมรับในระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะจากหน่วยงานกำกับดูแลในตลาดต่างประเทศ

โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ อนุญาตให้มีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนโดยตรงใน Spot Bitcoin ETF เช่นเดียวกับสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงที่อนุญาตให้จัดตั้งกองทุน ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin และ Ethereum ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก BlackRock iShares และ Franklin Templeton พบว่า ตลาดคริปโทเคอเรนซี่ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดสินทรัพย์ทางการเงินอื่น โดยปัจจุบัน Bitcoin มีขนาด 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 51.59 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับ ‘ทองคำ’ ที่มีขนาดมูลค่าตลาดสูงถึง 14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 515.90 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ซัพพลายของ Bitcoin มีอยู่จำกัดที่เพียง 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตรงกันข้ามกับความต้องการและการยอมรับที่มากขึ้น ทำให้บลจ.วรรณ เห็นถึงโอกาสการเติบโตของ Bitcoin ยังมีอยู่มากเช่นกัน โดยการลงทุนใน Bitcoin สร้างผลตอบแทนที่ดี ถึงแม้ผันผวนสูงก็ตาม จากการศึกษาร่วมกับทีมผู้จัดการกองทุน Bitcoin ETF ในต่างประเทศ ที่พบว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของ Bitcoin ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 124% ต่อปี และผันผวนเฉลี่ยสูงถึง 83% ต่อปี

หากนำ Bitcoin มาจัดสรรพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตอยู่ที่ 5% ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ 8.90% ต่อปี ส่วน Sharpe Ratio หรืออัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของพอร์ตอยู่ที่ 0.71 และ Max Drawdown ผลขาดทุนสูงสุดของพอร์ตอยู่ที่ -22.40%

ส่วนพอร์ตที่ไม่ได้กระจายการลงทุนใน Bitcoin ผลตอบแทนคาดหวังอยู่ 5.80% ต่อปี Sharpe Ratio อยู่ที่ 0.48 ขณะที่ และ Max Drawdown อีก -20.40% สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Bitcoin ช่วยให้ผลตอบแทนคาดหวังดีขึ้นและน่าสนใจเมื่อเทียบกับ Sharpe Ratio แม้โดยรวมผันผวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม

นายพจน์ เสริมว่า อีกหนึ่งจุดเด่นจากการลงทุน Bitcoin ETF คือ ความปลอดภัยของการจัดเก็บเหรียญ เนื่องจากเหรียญของผู้ถือหน่วยจะกระจายการจัดเก็บเหรียญผ่าน Custodian ระดับโลก ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในผู้ลงทุนสถาบันและมีการแบ่งการจัดเก็บเหรียญในรูปแบบ Cold Wallets ที่จัดเก็บเหรียญผ่านระบบออฟไลน์ในแต่ละกองทุน ETF ซึ่งมีความปลอดภัยสูง เทียบกับการลงทุน Bitcoin โดยตรงที่ข้อมูลอาจสูญหายหรือถูกโจรกรรมทางออนไลน์

ทั้งนี้ กองทุนเปิด วรรณ บิทคอยน์ อีทีเอฟ ฟันด์ ออฟ ฟันด์ อันเฮดจ์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-BTCETFOF-UI) ที่อยู่ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ จะเปิดเสนอขายสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) และผู้ลงทุนสถาบันเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีความสนใจในการลงทุน ต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับ 8+  โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ทางเบอร์โทรศัพท์บลจ.วรรณ และ บล.ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น รวมถึงตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งทั่วประเทศ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT