ไม่รอด! บริษัทโบรกเกอร์คริปโทรายใหญ่ Voyager Digital ยื่นศาลล้มละลายในสหรัฐวันนี้ พบมีเจ้าหนี้มากกว่า 1 แสนราย ทรัพย์สิน-หนี้สิน 3.6 แสนล้านบาท
Voyager Digital Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่ที่ปล่อยกู้ในแวดวงคริปโทเคอร์เรนซี ได้ประกาศยื่นล้มละลายแล้วในวันนี้ (6 ก.ค. 65) โดยเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่บริษัทเพิ่งประกาศระงับการทำธุรกรรมต่างๆ บนแพลตฟอร์ม ตั้งแต่การถอนเงิน ซื้อขายเหรียญ และฝากเหรียญ จากผลกระทบตลาดคริปโทฯ ที่ผันผวน และถูกบริษัท 3AC เบี้ยวชำระหนี้
รายงานข่าวของรอยเตอร์สและบลูมเบิร์ก ระบุว่า บริษัทได้ยื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายในนิวยอร์ก สหรัฐ ภายใต้มาตรา 11 ประกอบด้วยบริษัทแม่ คือ Voyager Digital Ltd. และบริษัทลูกอีก 2 แห่ง คือ Voyager Digital LLC และ Voyager Digital Holdings
บริษัทมีการประเมินว่า มีเจ้าหนี้อยู่มากกว่า 1 แสนราย และมีทรัพย์สิน-หนี้สิน ประมาณ 1,000 - 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.6 หมื่น - 3.6 แสนล้านบาท)
สตีเฟน เออร์ลิช CEO ของ Voyager เปิดเผยว่า แม้บริษัทจะยังคงเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในอนาคตของอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี แต่ความผันผวนและความเสียหายที่เกี่ยวเนื่องในตลาด ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาตลอดหลายเดือนมานี้ รวมถึงการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท Three Arrows Capital (3AC) ส่งผลให้ Voyager ต้องตัดสินใจยื่นล้มละลาย
ขณะที่รอยเตอร์สระบุว่า ความเสียหายของบริษัทและนักลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโทฯ หลายรายในช่วงหลังนี้ ยังมีความเกี่ยวข้องไปถึงกรณีการล่มสลายของ Terra เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย
ก่อนหน้านี้เพียง 1 สัปดาห์ Voyager Digital เพิ่งประกาศระงับธุรกรรมการถอนเหรียญ รวมถึงการฝาก และการซื้อขายเหรียญบนแพลตฟอร์มของตนเอง ท่ามกลางตลาดคริปโทฯ ที่มีความผันผวนอย่างหนัก ขณะที่บริษัทยังถูกเบี้ยวชำระหนี้วงเงินถึง 675 ล้านดอลลาร์ จากบริษัท 3AC
ทั้งนี้ ลูกหนี้อย่าง "3AC" เอง ก็เพิ่ง "ยื่นล้มละลาย" ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า บริษัทล้มละลายเนื่องจากภาวะตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่ผันผวนอย่างหนัก และบริษัทซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ก็ไม่ทราบด้วยว่า ปัจจุบัน 2 ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Zhu Su และ Kyle Davies หลบหนีไปอยู่ที่ไหน แต่คาดว่าน่าจะออกจากสิงคโปร์ไปแล้ว
Zhu Su กับ Kyle Davies
บริษัทวิเคราะหฺบล็อกเชน Nansen ประเมินว่า 3AC น่าจะมีทรัพย์สินประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ทางบริษัทอ้างว่ามีทรัพย์สินเพียง 3,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดหายวับไปถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ช่วงที่ตลาดพีกสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่ถูกดึงกลับออกจากตลาดคริปโทฯ หลังการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการล่มสลายของ Terra ทั้งเหรียญ LUNA และ UST ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญหัวแถวของตลาด