หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)ประเทศต่างๆ ตั้งแต่ 10-49% และไทยโดนภาษี 37 % ล่าสุดนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ออกแถลงการณ์ ท่าทีของประเทศไทยกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา
SPOTLIGHT สรุปใจความสำคัญของแถลงการณ์ดังนี้
1. แนวทางของรัฐบาลไทยต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
- รัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2568 และมีการหารือกับภาคเอกชนและตัวแทนจากสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่อง
- มีแผนส่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง เดินทางไปเจรจากับภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำบทบาทของไทยในฐานะพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เชื่อถือได้
- โดยไทยเตรียมข้อเสนอเชิงนโยบาย เช่น การเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อาทิพลังงาน อากาศยาน สินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐฯ และการลดอุปสรรคทางการค้าให้กับสหรัฐฯ
- ไทยเตรียมมาตรการป้องกันการสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังสหรัฐฯ
2. การประเมินผลกระทบและมาตรการช่วยเหลือธุรกิจไทย
- รัฐบาลประเมินว่ามาตรการภาษี 36% จากสหรัฐฯ ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตร
- เตรียมมาตรการเยียวยาระยะสั้นและระยะยาวสำหรับผู้ประกอบการทั้ง SME และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
- มุ่งกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจด้วยการขยายตลาดส่งออกใหม่และเร่งเครื่องการค้าเสรีกับพันธมิตรอื่นๆ
- มีแผนเร่งเจรจา FTA และเปิดตลาดส่งออกใหม่ในตะวันออกกลาง ยุโรป และอินเดีย
- วันอังคารที่ 8 เมษายนนี้ หลังจากประชุมสรุปกับคณะกรรมการและทุกหน่วยงานอีกครั้งหนึ่ง จะสรุปแนวทางเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญ
“ดิฉันมั่นใจว่า ข้อเสนอข้างต้นนี้ จะทำให้การเจรจากับสหรัฐฯ บรรลุผลเพื่อให้ประเทศไทยและสหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรและคู่ค้าที่เป็นมิตรต่อกัน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีอีกหลายมาตรการที่พร้อมจะรับฟังและพูดคุยเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ และขอให้ความมั่นใจว่าข้อเสนอที่รัฐบาลเตรียมไว้ ล้วนคำนึงถึงประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นสำคัญและเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบธุรกิจของเราและคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจไทยทุกท่าน”
“ดิฉันขอให้คำมั่นว่า ทุกท่านไม่ได้โดดเดี่ยว ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาเร่งด่วนในระยะสั้น และระยะยาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้ง SME และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ โดยการเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ อีกทั้งยังจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของภาคธุรกิจไทย ที่เรามุ่งมั่นที่จะเจรจาการค้า ในการเปิดตลาดใหม่ๆ ในตะวันออกกลาง ยุโรป และ อินเดีย โดยจะเร่งเจรจาการค้า FTA ให้เร็วยิ่งขึ้น” – นายกรัฐมนตรี ระบุในแถลงการณ์
ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล