การประชันวิสัยทัศน์ของคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างเจดี แวนซ์ จากพรรครีพับลิกัน และทิม วอลซ์ จากพรรคแดโมแครต จัดโดย CBS เสร็จสิ้นลงไปแล้ว โดยประเด็นหลักๆมีทั้งวิกฤตตะวันออกกลาง ผู้อพยพ ภาษี การทำแท้ง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และเศรษฐกิจ แต่สื่อหลายสำนักวิเคราะห์ว่า บนเวทีครั้งนี้ ทั้งคู่ใช้น้ำเสียงที่ค่อนข้างนิ่งและดูจริงใจ แทนที่จะสาดคำพูดรุนแรงใส่กัน เหมือนเวทีดีเบตของคู่ชิงประธานาธิบดี
วิกฤตตะวันออกกลาง ไปจนถึงประเด็นผู้อพยพ
เริ่มต้นด้วยการที่แวนซ์จากรีพับลิกันตั้งคำถามว่า เหตุใดกมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอยู่ในเวลานี้ จึงไม่ได้ทำอะไรมากพอเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ผู้อพยพและเศรษฐกิจ โดยเขาระบุว่า ถ้าหากกมลา แฮร์ริสมีแผนสุดวิเศษเพื่อแก้ปัญหาของชนชั้นกลางจริง เธอก็ควรจะทำมันตอนนี้เลย ไม่ใช่ตอนที่จะมาขอเป็นประธานาธิบดี แต่ควรทำมันในงานรองประธานาธิบดีที่ชาวอเมริกันมอบหมายให้เธอมานานถึง 3 ปีครึ่งแล้ว
ขณะที่วอลซ์โจมตีว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากรีพับลิกัน เป็นผู้นำที่ไม่เหมาะสม เพราะเขาให้ความสนใจกับเหล่ามหาเศรษฐีมาก่อน
ส่วนประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ วิกฤตตะวันออกกลาง หลังจากที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีเลบานอน และอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก็ยิงมิสไซล์ตอบโต้อิสราเอล วอลซ์บอกว่า ทรัมป์นั้นเหลาะแหละเกินไปที่จะมารับมือกับวิกฤตความขัดแย้งที่กำลังรุนแรงขึ้น ขณะที่แวนซ์ยืนยันว่า ทรัมป์นั้นทำให้โลกมีความมั่นคงระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ
สำหรับคำถามว่า เขาจะสนับสนุนการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลหรือไม่ แวนซ์บอกว่า เขาจะเชื่อตามการตัดสินใจของอิสราเอล ขณะที่วอลซ์ไม่ขอตอบคำถามนี้
ส่วนระหว่างการดีเบตประเด็นผู้อพยพและความมั่นคงชายแดน วอลซ์โจมตีถึงการกล่าวอ้างของแวนซ์ เรื่องผู้อพยพชาวเฮติกินสัตว์เลี้ยงของประชาชนที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ ส่วนแวนซ์ตอบว่า คนที่เขาแคร์ในเมืองสปริงฟอลด์คือพลเมืองชาวอเมริกันไม่ใช่ผู้อพยพ และว่า เพราะการหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพ ทำให้โรงเรียนและโรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้คน และชาวอเมริกันก็แทบจ่ายค่าเช่าบ้านไม่ไหว
คู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นใคร
วอลซ์ คู่ชิงรองประธานาธิบดีของกมลา แฮร์ริส เขาอายุวัย 60 ปี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา และเป็นอดีตครูชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ส่วนแวนซ์ อายุเพียงแค่ 40 ปี เขาเป็นนักเขียนและเป็นวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯจากรัฐโอไฮโอ
ขณะที่ทรัมป์เอง รับชมดีเบตครั้งนี้ผ่านทางโทรทัศน์ และเขาได้โพสต์ข้อความต่างๆเพื่อแสดงความคิดเห็นของเขาบนโซเชียลลงบนสื่อสังคมออนไลน์ด้วย โดยในบางช่วง หนึ่งนาทีเขาโพสต์ไปถึงสองข้อความ
บรรดานักวิเคราะห์ด้านการเมืองมองว่า การดีเบตของคู่ชิงรองประธานาธิบดี แม้จะดูร้อนแรง แต่โดยทั่วไปแล้วก็ยังไม่ได้มีส่วนสำคัญถึงขนาดกำหนดผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง