จังหวัดนครพนม ต้นแบบโมเดล เชื่อมโยงกัญชาสู่การท่องเที่ยว "Kick of กัญชาริมโขง” ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้ โดยกระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าศึกษาวิจัยรอบด้าน หวังให้กัญชาพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น
11 ธ.ค.64 วันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะเป็นประธานในงาน Kick off กัญชาริมฝั่งโขง ที่จังหวัดนครพนม พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานต่างๆ โดยงานจัดที่ถนนสวรรค์ชายโขง หมู่บ้าน8ชนเผ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ซึ่งจะเป็นต้นแบบการเชื่อมโยงระหว่างภาคการเกษตร สาธารณสุขกับภาคการท่องเที่ยว เป็นโมเดลการสร้างรายได้ให้ชุมชนและท้องถิ่น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล บอกว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการปลูกพืชทางเลือก ซึ่งรวมถึงการผลักดันกัญชาทางการแพทย์ โดยการทยอยปลดล็อคข้อกฎหมาย ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อเป็นฐานสำคัญให้มีการต่อยอดทางเศรษฐกิจได้นั้น ขณะนี้ได้ขยายไปสู่การเชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวแล้ว
ภายในงานจะประกอบไปด้วยหลายกิจกรรม เช่น ปล่อยรถตู้ รถทัวร์ เส้นทางการท่องเที่ยวสายกัญชานครพนม การออกบูธการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บูธคลินิกกัญชาทางการแพทย์ การให้ความรู้การปลูกและแปรรูปกัญชา ตลาดนัดกัญชาชุมชน บูธเครือข่ายหมอชาวบานในการรักษาสูตรตำรับกัญชา บูธกัญชา Thai stick บ้านต้าย อำเภอโพนวรรค์ บูธจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชน
Kick off กัญชาริมฝั่งโขง ที่จังหวัดนครพนม ถือได้ว่า จะรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับพืชกัญชาให้ผู้ที่สนใจมาศึกษาข้อมูล และได้เห็นว่ากัญชาทางการแพทย์ที่ถูกกฎหมายสามารถต่อยอดเป็นพืชเศรษฐกิจทั้งทางการแพทย์และการท่องเที่ยว เป็นโมเดลต้นแบบให้พื้นที่อื่นๆ ของประเทศนำไปพัฒนาต่อยอดได้
น.ส.ไตรศุลี บอกว่า รัฐบาลมุ่งมั่นในการผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยมีการศึกษาวิจัยที่รอบด้าน รวมถึงศึกษาเปรียบเทียบกับแนวนโยบายของต่างประเทศ ซึ่งในช่วงการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยพิเศษ ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือทวิภาคีกับ Ms. Ruth Dreifuss อดีตประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส และอดีตประธานคณะกรรมการนโยบายยาเสพติดโลก เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติด (Drug Policy) เพื่อนำไปสู่การพิจารณาปรับปรุงเชิงนโยบายที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งในการหารือ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทยตลอดจนการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และได้รับทราบเกี่ยวกับนโยบายกัญชาในสมาพันธรัฐสวิสว่า เมื่อเดือนมิ.ย. 2563 สภาแหงชาติได้ผ่านการรับรอง โครงการนำร่องอนุญาตให้ประชาชนชาวสวิสใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ เพื่อศึกษา สภาพตลาดของกัญชา ซึ่งจะนำไปสู่การจำกัดการซื้อขายกัญชาอย่างผิดกฎหมาย
รวมถึงเพื่อหา ข้อเท็จจริงถึงผลกระทบของกัญชาที่มีต่อสังคม การทดลองมีขึ้นในเมืองใหญ่ของประเทศ เช่น บาเซิล เบิร์นบีลเจนีวา และซูริค ซึ่งประชาชนชาวสวิสที่จะเข้ารวมต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยการทดลองได้เริ่มเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 และผลการทดลองจะนำไปอภิปรายว่าสมาพันธรัฐสวิส จะอนุญาตให้เปิดเสรีการใชกัญชาเพื่อสันทนาการหรือไม่ต่อไป
ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่นครพนม จึงน่าสนใจอย่างมาก หากว่าประสบความสำเร็จด้วยดี พร้อมมีการวิจัยศึกษารองรับรอบด้าน กัญชาในเชิงสันทนาการที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว สร้างรายได้ น่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นในประเทศไทย