นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า บริษัทเตรียมพร้อมจัดงานฉลองเคาท์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ "Centralworld Bangkok Countdown 2022" ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพราะถือว่าเซ็นทรัลเวิลด์ยังเป็นแลนด์มาร์กเคาท์ดาวน์ที่ดีและการเป็นไทม์สแควร์แห่งเอเชียทุกปี โดยจะมีจัดงาน 7 วัน 7 คืน ทั้งในรูปแบบของอีเว้นท์ และ Happening ต่างๆ ทั้งด้านในและนอกศูนย์การค้า ก่อนต่อเนื่องไปจนถึงวันเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปี 2564 ภายใต้ธีม Forwarding Happiness ภายใต้การดูแลคุมเข้มมาตรการเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ขั้นสูงสุด เน้นย้ำการเว้นระยะห่าง และตรวจคัดกรอง Extra screening เข้มข้นก่อนเข้างาน
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมมาตรการรองรับการจัดงานดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ โดยยังยึดเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก แต่ในภาพรวมของแนวโน้มการจัดงานในปีนี้มองว่าจำนวนผู้เข้าร่วมงานเคาน์ดาวน์ที่เซ็นทรัลเวิร์ลจะยังไม่เห็นจำนวนที่กลับมาเท่ากับระดับปกติที่อยู่ในหลักแสนคน คาดว่าจะอยู่ในระดับพันคนเท่านั้น เพราะต้องมีมาตรการคัดกรองผู้เข้าร่วมงานที่เหมาะสม เพื่อให้มีความปลอดภัย ซึ่งบริษัทจะจัดงานควบคู่ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
ปัจจุบันจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าของ CPN ถือว่ากลับมาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะศูนย์การค้าในต่างจังหวัดที่มีจำนวนผู้ใช้บริการกลับมาสูงถึงเกือบ 100% มาจากการที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในต่างจังหวัดเริ่มมีความคล้ายคลึงกับคนกรุงเทพมากขึ้น ทำให้มีการเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ CPN มีความโดดเด่นในการทำศูนย์การค้าที่เป็นไลฟสไตล์ ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าเพื่อพักผ่อนและรับประทานอาหารมากขึ้นด้วย
ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการในศูนย์การค้าของ CPN ในกรุงเทพฯ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 70-90% หลังจากที่เริ่มมีการเปิดเมือง แม้ว่าในปัจจุบันอาจจะมีความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอยู่บ้าง แต่มองว่าคนยังมีการออกมาเดินและซื้อของในห้าง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด ทำให้แนวโน้มของจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าของ CPN ในภาพรวมกลับมาอยู่ไนระดับสูง
ด้านนายชาติ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทำเลพัฒนาโครงการเอาท์เล็ต เซ็นทรัล วิลเลจ แห่งที่ 2 ยังคงเน้นทำเลศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคเหนือ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วง 1-3 ปีนี้
ทั้งนี้บริษัทมองว่าพฤติกรรมการซื้อสินค้าลดราคาของคนในประเทศ หันมาซื้อสินค้าจากในเอาท์เล็ตในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่สามารถไปเดินทางไปต่างประเทศได้ ทำให้ยอดการซื้อสินค้าของเอาท์เล็ตในประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตมาก เพราะไม่ต้องรอซื้อสินค้าลดราคาที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าชาวไทยที่เข้ามาไช้บริการ เซ็นทรัล วิลเลจ เพิ่มมาเป็น 90% จากเดิมที่ 10% และ ลูกค้าชาวต่างชาติลดมาเหลือ 10% ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการมองหาการลงทุนโครงการเอาท์เล็ตแห่งใหม่
สำหรับการขยาย เซ็นทรัล วิลเลจ แห่งแรกในเฟสที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. 2565 เป็นต้นไปนั้น โดยคาดหวังว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นมาเป็นเฉลี่ย 14,000-15,000 คน/วัน จากปัจจุบัน 10,000 คน/วัน โดยในช่วงแรกของการเปิดให้บริการเฟส 2 จะมีร้านค้าพร้อมเปิดให้บริการแล้วกว่า 80% บริษัทจึงมั่นใจว่าลูกค้ายังคงให้การตอบรับเป็นอย่างดี
ขณะที่ในด้านการพัฒนาศูนย์การค้าแห่งใหม่ของ CPN หลังจากในปี 2564 เปิดศูนย์การค้าใหม่ไปแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล อยุธยา แผนธุรกิจในปี 2565 จะมีการเปิดเพิ่มอีก 1 แห่ง คือ เซ็นทรัล จันทบุรี โดยบริษัทยังคงเดินหน้าการลงทุนโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง เน้นในจังหวัดแหล่งทองเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคเหนือ ซึ่งมีการท่องเที่ยวคึกคัก โดยบริษัทได้วางงบลงทุนไว้ที่ 20,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อรองรับโอกาสในการลงทุนศูนย์การค้าใหม่