การประชุมธนาคารกลางสหรัฐนัดสุดท้ายของปี 2564 เป็นไปตามตลาดคาด คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม แต่ประกาศชัดปีหน้าขึ้นดอกเบี้ยแน่ 3 ครั้ง ขณะที่เตรียมลดวงเงิน QE เพิ่มเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทำให้QE สิ้นสุดเร็วขึ้นเป็น มีนาคม 2565 ฟากตลาดการลงทุนกลับไม่กังวล หุ้น คริปโต และ ทองคำ ปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนในปี 2564 และรวมถึง 2565 นี้ คือ การที่นโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา กำลังจะเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการที่สหรัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจในช่วง โควิด19 ผ่านมาตรการ QE โดยมีการใช้วงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน โดยเมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากโควิด 19 ตลาดการลงทุนก็จับจ้องว่า เฟดนั้นจะลด QE เมื่อไหร่ เพราะนั่นหมายถึง สภาพคล่องที่หล่อเลี้ยง ตลาดการลงทุน ทั้ง หุ้น ทองคำ น้ำมัน หรือแม้แต่ คริปโตเคอเรนซี่ มันกำลังจะหายไป
พูดง่ายๆว่า หากเฟดลดวงเงิน QE และ ปรับดอกเบี้ยขึ้น น่าจะทำให้ตลาดการลงทุน ร่วงไปตามๆกัน เรียกว่าลุ้นและเก็งกับการประชุมของ Fed กันมาตลอดทั้งปี จนสุดท้ายตลาดการลงทุนก็เชื่อมั่นว่า Fed ต้องลด QE มากขึ้นกว่าเดิม และต้องขึ้นดอกเบี้ยในที่สุด เพราะเงินเฟ้อของสหรัฐ พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี ไม่ใช่เงินเฟ้อที่มาแบบชั่วคราวและจะหายไปเร็วอย่างที่คิดในตอนแรก
และสุดท้ายผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด นัดสุดท้ายของปี 2564เมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.64) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศว่า จะลดวงเงินในโครงการ QE เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิม 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 ดังนั้นจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. 2565ซึ่งเร็วขึ้นจากเดิม ประมาณ 3 เดือน จากเดิมสิ้นสุดในเดือน มิถุนายน 2565
ที่น่าสนใจ คือเรื่องดอกเบี้ย เพราะความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 และปรับขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปี 2566 และปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 2567 ซึ่งน่าจะมากกว่าที่คาดการณ์ แต่ไมค์ โลเวนการ์ท นักวิเคราะห์จากบริษัท E-Trade Financial บอกว่า "ตลาดขานรับผลการประชุมเฟดครั้งนี้เนื่องจากไปตามที่คาดการณ์ไว้ และแม้ว่าเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปี 2565 แต่นักลงทุนมองว่านี่เป็นการส่งสารที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้มองเห็นภาพรวมในอนาคตที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย"
ปฏิกิริยาของสินทรัพย์การลงทุนต่างๆ วันแรกหลังเฟดชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
ตลาดหุ้นสหรัฐ ดาวโจนส์ปิดที่ 35,927.43 จุด เพิ่มขึ้น 383.25 จุด (+1.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,709.85 จุด เพิ่มขึ้น 75.76 จุด (+1.63%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,565.58 จุด เพิ่มขึ้น 327.94 จุด (+2.15%)
ตลาดหุ้นยุโรป ก็ปิดบวก ก่อนผลการประชุมเฟดจะออก ดูจากชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 470.76 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด หรือ +0.26% ตลาดหุ้นไทย 10.40 น. ดัชนีบวกได้ 5.69 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทย 1629.35 จุด มูลการซื้อขายคึกคักเปิดตลาดไม่ถึง 1 ชั่วใมง 2 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะที่ ตลาดเอเชียเช้านี้ ยังผันผวน มีทั้งบวกและลบสลับกันไป ตลาดหุ้นที่ติดลบในเอเชียเช่น ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย อยู่ในแดนบวก
ด้านตลาดคริปโตเคอเรนซี่ สดใสบวกแรงในช่วงแรก และเริ่มลดช่วงบวกลงมา
โดยเว็บไซต์ Coinmarketcap รายงานราคาใน 24 ชั่วโมง พบว่า
Bitcoin อยู่ที่ 48,877 ดอลลาร์สหรัฐ +1.56% หลังจากก่อนหน้านี้ขึ้นไปเหนือ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Ethereum อยู่ที่ 4,015 ดอลลาร์สหรัฐ +4.73%
Solana อยู่ที่ 178.84ดอลลาร์สหรัฐ +11.73%
XRP อยู่ที่ 0.8269 ดอลลาร์สหรัฐ 1.80%
ส่วนราคาทองไทย บวก 150 ต่อบาททองคำเช้านี้ Gold Spot 1,783.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์