สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่สามารถเจรจากันได้ และยังไม่มีท่าทีหรือจุดสิ้นสุด ส่งผลให้ระดับราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทั้งสองประเทศที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกสำคัญอยู่ในระดับสูง ระดับราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นนี้ เป็นแรงกดดันภาวะดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) ของเดือนมี.ค.65 ปัจจุบันขยับลงอยู่ที่ 33.4 จาก 33.9 ในเดือนก.พ. ขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนใน 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในระดับต่ำที่ 36.1 จาก 36.0 ในเดือนก.พ.65
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องการจ้างงานพบว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้อัตราการเลิกจ้างในเดือนมี.ค.65 ปรับลดลงเล็กน้อย แต่การลดเวลาการทำงานล่วงเวลา (OT) และการชะลอรับพนักงานใหม่ยังปรับสูงขึ้น บ่งชี้ถึงระดับรายได้ของครัวเรือนยังไม่สามารถกลับมาสู่ในระดับปกติ
ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าต่าง ๆ ปรับเพิ่มขึ้น มาตรการบรรเทาค่าครองชีพต่าง ๆ จากภาครัฐจึงยังมีความจำเป็นที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเมื่อสอบถามครัวเรือนถึงมาตรการภาครัฐว่าควรออกมาในรูปแบบใดพบว่า ครัวเรือนส่วนมาก อยากให้มีการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น (39.2%) ขณะที่ 23.9% อยากให้มีการต่อมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 5 หลังมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 จะหมดลงในวันที่ 30 เม.ย. 65
ในระยะข้างหน้าภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งจากสถานการณ์สินค้าราคาสูงโดยภาครัฐจะสิ้นสุดการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหลังสิ้นเดือนเม.ย.65 ขณะที่ราคาก๊าซและค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากนี้จึงอาจจะเริ่มเห็นการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ประกอบการสู่ผู้บริโภคมากขึ้น
เมื่อพิจารณาในส่วนมุมมองต่อฝั่งรายได้ยังคงมีแนวโน้มแย่ลง ในขณะที่ภาระในการชำระหนี้ของครัวเรือนปรับดีขึ้นอยู่ที่ 17.6 ในเดือนมี.ค. 65 จาก 18.6 ในเดือนก.พ.65 (ดัชนีเพิ่มขึ้นบ่งชี้ถึงความกังวลที่ลดลง) ซึ่งมีสาเหตุบางส่วนมาจากที่ครัวเรือนเริ่มผ่อนสินค้าหมดลง และอาจมีแนวโน้มลดค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ลงทั้งจากสถานการณ์สินค้าราคาสูงขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่หมดลงในเดือนธ.ค. 64 และช้อปดีมีคืนที่สิ้นสุดในเดือนก.พ. 65 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มพุ่งสูงเหนือระดับ 25,000 รายต่อวัน (ไม่รวม ATK) ขณะที่ยังต้องติดตามในช่วงหลังเทศกาลที่กระทรวงสาธารณสุขคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นราว 50,000 – 100,000 รายต่อวัน