นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม นี้ และมีต่อราคาค่าขนส่งขึ้นประมาณ 15-20% นั้น ราคาขนส่งปรับขึ้นย่อมกระทบต่อต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้สินค้าทั่วไปปรับขึ้นตาม ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐมีมาตรการช่วยเหลือตรึงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท
โดยใช้เงินกองทุนเข้ามาชดเชย ผ่านมาระยะหนึ่ง เงินกองทุนหมดและติดลบเกือบ 40,000 ล้าน โดยคาดการณ์ว่าวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ รัฐบาลจะปล่อยให้ราคาน้ำมันลอยตัว ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ขยับตัวเลขสูงขึ้น เนื่องจากโดนผลกระทบจาเหตุสงครามสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ทำใจดีเซลทะยานแตะ 35 บาท/ลิตร
ประเมินว่าราคาน้ำมันดีเซลมีโอกาสถึง 32 -35 บาท/ลิตร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโลก เนื่องจากราคาน้ำมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสงครามรัสเซีย-ยูเครนในระลอกต่อไป จะมีความรุนแรงต่อเนื่องหรือไม่ ปัจจัยนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีก และภาวะเงินเฟ้อส่งผลกระทบทั่วโลก กรณีประเทศไทย ขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งรัฐบาลอาจกู้เงินเพิ่ม เพื่อเสริมเสถียรภาพทางการเงินของกองทุนเข้ามาช่วยชดเชย ฉะนั้นที่ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นแพงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การยืดเยื้อสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนด้วย
“ตอนนี้ทั่วโลกเผชิญกับปัญหาสงครามรัสเซียกับยูเครน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ภาวะเงินเฟ้อจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกประเทศเผชิญ เนื่องจากต้นทุนสินค้า ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนอาหารเพิ่ม ทำให้ค่าครองชีพพุ่งขึ้น ไทยได้รับผลกระทบเรื่องของน้ำมันที่ต้องน้ำเข้ามาใช้ในสัดส่วน 90% เป็นปัญหาที่กระทบต่อบริบทประเทศไทย ที่กำลังเพิ่งเริ่มเปิดประเทศและกำลังฟื้นตัว อีกทั้งยังมีความเปราะบางทางเศรษฐกิจ” นายเกรียงไกรกล่าว
รณรงค์ช่วยกันประหยัดน้ำมัน
ในส่วนที่ไทยเป็นผู้นำเข้าหรือรับน้ำมันเข้ามาใช้ประมาณ 90% ต้องนำเข้าสุทธิ เพราะฉะนั้นทุกๆ 1 เหรียญของราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ราคาค้าปลีกเพิ่มขึ้นประมาณ 0.25 สตางค์ การที่รัฐไม่สามารถช่วยชดเชย เนื่องจากภาระทางการคลังที่หนักเกินไปทำให้ราคาค่าน้ำมันต่างๆ ลอยตัว ประชาชนต้องช่วยกันรณรงค์ประหยัดน้ำมัน ใช้กันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หรือภาครัฐต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหารถติด
จากการสัญจรของผู้ใช้รถใช้ถนนติดขัดแล้วปล่อยรถอยู่กับที่เป็นเวลานานทำให้เสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ สาเหตุแรกอาจมาจากการก่อสร้างบนถนน จึงอยากให้ภาครัฐเข้าไปพูดคุยเรื่องเวลาการทำงาน กับผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นตัวช่วยหนึ่งที่สามารถลดการใช้พลังงานได้เพิ่มขึ้น
ส่วนภาคอุตสาหกรรมได้มีการพูดคุยเรื่องการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการขนส่ง ร่วมกันกับบริษัทต่างๆ โดยภาคขนส่งเอกชนมีการใช้แอพพ์ภายในบริษัทบ้างแล้ว แต่ตอนนี้กำลังเริ่มพัฒนาการแอพพลิเคชั่นส่วนกลาง เพื่อทำให้สมาชิกร่วมภาคธุรกิจขนส่งลดต้นทุนการขนส่งร่วมกัน เช่น การตีรถส่งของไปเต็มคัน และขากลับก็รับของต่อบริษัทอื่นขนของกลับมาเต็มคันเช่นกัน คาดว่าจะเป็นแอพพ์ช่วยลดการใช้น้ำมันโดยเปล่าประโยชน์ได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองทุนน้ำมัน ยันสภาพคล่องยังไหว ช่วยตรึงดีเซล 30 บาท ส่วนLPG แม้ขยับขึ้น แต่ยังดูแลอยู่
เตรียมปล่อยดีเซลทะลุ 30 บาท หากราคาน้ำมันโลกพุ่งต่อ ช่วยลดภาระกองทุนน้ำมัน
ไฟเขียว! กองทุนน้ำมันกู้ได้เกิน 4 หมื่นล้าน ยันตรึงดีเซล 30 บาทให้นานที่สุด