นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ สกนช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กระทรวงพลังงาน ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุมกบน. วันนี้ (11 ก.ค.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์
โดยมีมติให้คงราคาน้ำดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนในช่วงเวลานี้ โดยเป็นการตรึงราคาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ทั้งนี้ เนื่องจากความผันผวนด้านราคาน้ำมันดีเซลอยู่ในเกณฑ์ที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังสามารถดำเนินการได้
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการกู้เงินของ สกนช. ว่า ขณะนี้ กองทุนน้ำมันอยู่ระหว่างดำเนินการกู้เงินเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันที่ปัจจุบันติดลบแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท โดยสาเหตุที่การกู้เงินล่าช้ามาตลอด เนื่องจากจะต้องดูให้รอบคอบในประเด็นของกฎหมายต่าง ๆ ด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันง่าย ๆ ในการบริหารจัดการวงเงินที่ติดลบถึง 100,000 ล้านบาท ดังนั้น ภายในเดือน ก.ค. 2565 จะสามารถดำเนินการเรียบร้อย เพราะถ้าเกินกว่านี้ การติดลบก็อาจจะทะลุเกินไป และกองทุนน้ำมันจะไม่สามารถดำเนินการได้
สำหรับการเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันจะแบ่งกรอบวงเงินเป็น 3 ก้อนหลัก
- การดำเนินการกู้ภายใต้การกู้ยืมเงิน ในสัดส่วน 50%
- เงินที่มีการเก็บเข้ากองทุนน้ำมัน รวมถึงเงินที่ใช้บริหารหนี้ต่าง ๆ ในสัดส่วน 25-30%
- ขอความร่วมมือจากโรงกลั่นน้ำมัน โดยที่ผ่านมาอาจจะช้าในกระบวนการขั้นตอนการดำเนินการ เพราะการที่โรงกลั่นจะให้เงินกองทุนน้ำมันจะต้องตรวจสอบกระบวนการว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยเฉพาะการที่ไม่เป็นความผิดกฎหมายเพราะกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนภาษีลาภลอย อาจจะต้องดูกันยาว ๆ ในเรื่องของการออกพระราชกำหนด ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะทำงานในเรื่องของความร่วมมือกันมากกว่า เบื้องต้นจะใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการดำเนินการว่าหากมีการส่งเงินเข้ามาจะติดกฎหมายข้อไหนอย่างไรหรือไม่ ราว 20-25%
สำหรับเรื่องการกู้เงินและการเก็บเงินจากโรงกลั่นมีทางออกแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในอาทิตย์สุดท้ายของเดือนก.ค. 2565 โดยสัดส่วนที่ประมาณการราว 100% จะเท่ากับเงินที่ติดลบอยู่อย่างน้อย 100,000 ล้านบาท ถือเป็นการประมาณการสัดส่วนตัวเลขเท่านั้น ยังไม่ใช่จำนวนเงินที่แท้จริง ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะชี้แจงอีกครั้งว่าที่ผ่านมากระทรวงพลังงานดำเนินการอะไรไปบ้าง” นายกุลิศ กล่าว
ทั้งนี้ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 10 ก.ค. 2565 ติดลบ 110,917 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 72,534 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ติดลบ 38,383 ล้านบาท กระแสเงินสด 4,057 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝากธนาคาร 557 ล้านบาท และเงินฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง 3,500 ล้านบาท โดยกองทุนอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ 3.06 บาทต่อลิตร จากราคาจริงควรอยู่ที่ 38 บาทต่อลิตร
สำหรับ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2565 ได้ออกมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชนรอบใหม่ โดยในส่วนของราคาน้ำมันดีเซลมีมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 ในส่วนที่ราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค. – ก.ย. 2565)