สกอตแลนด์กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ผ่านกฎหมายอนุมัติให้รัฐต้องแจกผ้าอนามัยฟรีให้กับผู้หญิงทุกคน (Period Products Act) โดยเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว กฏหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาหญิงชาวสกอตที่ยากไร้เข้าไม่ถึงของใช้จำเป็นเหล่านี้ และจะทำให้พวกเธอมีเงินเพียงพอไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่จำเป็นในครอบครัว
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ว่า กฎหมายแจกผ้าอนามัยฟรีของสกอตแลนด์ หรือกฎหมายผลิตภัณฑ์สำหรับการมีประจำเดือนได้มีผลบังคับใช้แลว โดยมีการยอมรับอย่างเอกฉันท์เมื่อพฤศจิกายนปี 2020 สมาชิกรัฐสภาสกอตแลนด์จากพรรคแรงงาน โมนิกา เลนนอน รณรงค์เพื่อยุติความยากจนมาตั้งแต่ ปี 2016 เธอบอกว่า หน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรพันธมิตรได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้สิทธิ์ทางกฎหมายมีผลบังคับใช้ได้จริง
สกอตแลนด์ประสบปัญหาผู้หญิงจำนวนมากไม่สามารถมีกำลังทรัพย์เพื่อจะซื้อผ้าอนามัยหรือผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัยแบบสอดในช่วงระหว่างการมีประจำเดือนของตัวเอง โดยบีบีซีชี้ว่า การสำรวจเมื่อปี 2018 โดยยังสกอต (Young Scot)ได้ทำการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,050 คน โดยมี 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมปลาย วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย มีจำนวนประมาณ 26% ที่ประสบปัญหายากลำบากในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ โดยสาเหตุมาจากการไม่มีเงิน
ข้อมูลพบว่า การมีประจำเดือนที่อาจยาวนานถึง 5 วันนั้นอาจต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณ 8 ปอนด์ต่อเดือน หรือ 43 บาท ในการซื้อผ้าอนามัย ซึ่งจอร์จี นิโคลสัน (Georgie Nicholson) จากองค์กรเฮย์ เกิลส์ (Hey Girls) แสดงความเห็นว่า ผ้าอนามัยสมควรต้องแจกฟรีเหมือนกระดาษชำระในห้องสุขา
สำหรับในอังกฤษ นักวิจัยค้นพบว่า 64% ของการสำรวจที่เผยแพร่โดย แพลน อินเตอร์เนชันแนล (plan international) เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ปี 2021 พบว่าเกือบ 2 ล้านคนของเด็กหญิงวัยรุ่นระหว่างอายุ 14 ปี ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ช่วงต้น 21 ปีในอังกฤษต้องขาดเรียนไปเพราะการมีประจำเดือน
ส่วนวิธีการรับผ้าอนามัยฟรี ก็ไม่ยุ่งยาก ผู้ที่ต้องการใช้แอปที่ชื่อว่า PickupMyPeriod แอปนี้อนุญาตให้ผู้ใช้ระบุผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่และค้นหาผลิตภัณฑ์จากสถานที่ใกล้ๆเคียง หรือมีบริการจัดส่งถึงบ้านด้วย
กฎหมายแจกผ้าอนามัยฟรี (Period Products Act) ได้รับการลงนามอนุมัติให้เป็นกฎหมายโดยรัฐบาลสกอตแลนด์เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ปี 2020 และมีผลบังคับใช้แล้ว ท่ามกลางวิกฤตค่าครองชีพที่เกิดขึ้น กฏหมายฉบับนี้เป็นสัญญาณแห่งความหวัง ในการช่วยเหลือประชาชน
ที่มา BBC , The New York Time