ข่าวเศรษฐกิจ

'จีน' อัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหญ่ 5 ล้านล้านบาท

26 ส.ค. 65
'จีน' อัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหญ่ 5 ล้านล้านบาท

จีนอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหญ่ 1 ล้านล้านหยวน ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หวังบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์

ในที่สุด จีนก็ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 'ล็อตใหญ่' ออกมาแล้วในวงเงิน '1 ล้านล้านหยวน' (ราว 5.25 ล้านล้านบาท) ซึ่งนับเป็นวงเงินกระตุ้นก้อนใหญ่ที่สุดของปีนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่รุมเร้าจีนมาอย่างหนัก ท่ามกลางข่าววิกฤตการณ์อสังหาฯ ที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ

เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณเกือบ 1.5 แสนล้านดอลลาร์) อาจไม่ได้ถือว่ามากมายอะไรเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจจีน แต่ถ้าลองมัดรวมมาตรการกระตุ้นทั้งหมดในจีนปีนี้ทั้ง "การคลัง" และ "การเงิน" จะเห็นได้ว่ารัฐบาลทั้งอัดฉีดเงิน ออกมาตรการช่วยเหลือ และลดดอกเบี้ย รวมแล้วเป็นวงเงินมหาศาลทีเดียว

บลูมเบิร์กเคยรวบรวมข้อมูลเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ประมาณช่วง 5 เดือนแรกของปี 2022 นี้ จีนกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วถึง 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 190 ล้านล้านบาท) โดยใช้มาตรการอัดฉีดทางการคลังเป็นทัพหน้า ส่วนนโยบายดอกเบี้ยของแบงก์ชาติเป็นกองเสริม เพราะจะลดดอกเบี้ยมากเกินไปก็ไม่ได้ ในยุคที่ทั่วโลกกำลังแห่ขึ้นดอกเบี้ยแรง

ส่วนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด 1 ล้านล้านหยวนที่เพิ่งประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ จะถูกนำไปกระตุ้นผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่

artboard1copy3_83_1

คณะมนตรีแห่งรัฐและคณะรัฐมนตรีของจีน ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง เป็นประธาน ได้ร่างนโยบาย 19 ด้าน รวมถึงการอัดฉีดเงินเพิ่มเติม 3 แสนล้านหยวนสำหรับธนาคารรัฐ เพื่อนำไปลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ นอกเหนือจากโครงการที่ประกาศไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ใช้วงเงิน 3 แสนล้านหยวน

ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นจะได้รับการจัดสรรวงเงินราว 5 แสนล้านหยวน เพื่อออกพันธบัตรพิเศษสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจีนใช้วิธีออกพันธบัตรพิเศษเพื่อกระตุ้นกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายปี แต่มาเน้นหนักตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา

แต่ถึงแม้ว่าจะอัดฉีดล็อตใหญ่แล้ว บรรดานักเศรษฐศาสตร์ก็ไม่ได้ตื่นเต้นนักเพราะเชื่อว่าคงไม่สามารถดัน GDP ปีนี้ให้กระเตื้องขึ้นได้มาก โดยโกลด์แมนแซคส์เชื่อว่าจีดีพีจีนปีนี้น่าจะขยายตัวได้เพียงประมาณ 3% เท่านั้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของบลูมเบิร์กเชื่อว่าจะขยายตัวได้ไม่ถึง 4%

ทั้งนี้อัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด 19.9% ขณะที่ผลสำรวจอัตราว่างงานทั่วประเทศอยู่ที่ 5.4% และการยื่นขอรับเงินชดเชยกรณีว่างงานก็เพิ่มขึ้นทำสถิติในเดือนมิถุนายนด้วย

การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และการล็อกดาวน์จากโควิด ส่งผลให้เป้าหมายการขยายตัวของ GDP ที่จีนวางไว้ 5.5% ในปีนี้อาจเป็นไปได้ยาก

advertisement

SPOTLIGHT