นาฬิกาหรู หนึ่งในสินทรัพย์ที่หลายๆคนนิยมซื้อเพื่อการใช้งาน ไปจนถึงซื้อเพื่อการลงทุน ยิ่งคอลเลกชันที่ผลิตออกมาจำนวนจำกัด ยิ่งสร้างความต้องการซื้อของเหล่านักสะสม ทำให้ราคานาฬิกาเหล่านี้มีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อราคานาฬิกาหรูพุ่งไปถึงระดับสูงมาก ทำให้เหล่านักสะสมนาฬิกาทั้งหลายต่างหลั่งไหลเข้ามาในตลาดนาฬิกาเพื่อหวั่งจะเก็งกำไร ส่งผลให้อุปสงค์-และอุปทานในตลาดนาฬิกาหรูพุ่งทยานไปอย่างรวดเร็ว
จนผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนต่างเข้ามาเตือนและวิเคราะห์ว่าอาจเกิดฟองสบู่นาฬิกาหรูในเร็วๆนี้ และอาจแตกหักไปพร้อมกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อกลับมาสู่ราคานาฬิกาที่มีเสถียรภาพ
จากการรายงานของ WatchCharts พบว่า นาฬิกาหรูรุ่นยอดฮิตอย่าง โรเล็กซ์ (Rolex), ปาเต็ก ฟิลิปป์ (Patek Philippe) และโอเดอมาร์ส ปิเกต์ (Audemars Piguet) มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 45,108 ดอลลาร์ หรือราวประมาณ 1,564,796 บาท โดยผู้ซื้อต้องจ่ายถึง 5 เท่าของมูลค่าการขายปลีกสำหรับนาฬิกาที่มีความต้องการ
แต่หากเมื่อเทียบกับตลาดนาฬิกามือสอง เมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ช่วงส.ค.63) ราคาโดยรวมก็ยังคงสูงกว่า 20% โดยราคา Rolex เฉลี่ยสูงขึ้น 26% ,ราคา Patek Philippe เฉลี่ยสูงขึ้น 94% และราคา Audemars Piguet เฉลี่ยสูงขึ้นกว่า 100% จาก WatchCharts
เช่น Rolex Cosmograph Daytona 116500 ซึ่งเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี WatchCharts ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 29,000 ดอลลาร์ (หรือราว 1,006,010 บาท)ซึ่งเกือบสองเท่าของราคาเดิม นาฬิการุ่น Patek Philippe Nautilus 5711 Stainless Steel มีมูลค่า 103,357 ดอลลาร์ (หรือราว 3 ,585,454 บาท) โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากรายการขายปลีกที่ 34,890 ดอลลาร์ (หรือราว 1,210,334 บาท)
แต่ปัจจุบัน 3 รุ่นยอดฮิตจากแบรนด์ชื่อดังกลับมีราคาตกลงอย่างน่าเหลือเชื่อ เช่น รุ่น Daytona ของ Rolex ลดลง 12% ,รุ่นNautilus ของ Patek Philippe ลดลง 19%และ รุ่นRoyal Oak ของ Audemars Piguet ลดลง 17% ซึ่งนับว่าเป็นการร่วงตกลงมากว่า 31% ในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ราคานาฬิกาหรูตกต่ำลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ผู้คนเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ กระตุ้นให้นักลงทุนลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเช่นนาฬิกาหรู และเก็บออมเงินสดมากขึ้น
ที่มา CNBC