แม้ผ่านการเลือกตั้งมาเกือบ 3 เดือนแล้ว แต่ประเทศไทยก็ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ เพราะในช่วงอลเวงในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคที่ได้เสียงมากที่สุดจากการเลือกตั้งอย่างพรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ส่งไม้ต่อไปยังพรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทย ที่สุดท้ายต้องยอมสลัด 8 พรรคเดิมที่รวมตัวกันมา เพื่อบรรลุภารกิจหาทางออกให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยเพื่อไทยเป็นแกนนำให้สำเร็จ
และในที่สุดพรรคเพื่อไทย ก็ประกาศจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหัวหน้าพรรคก็คือ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้ซึ่งมีตำแหน่งในรัฐบาลปัจจุบัน ทั้งรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากนี้พรรคเพื่อไทยก็จะมีการแถลงจับมือกับพรรคอื่นๆต่อไปเพื่อให้เสียงมากพอในการเป็นรัฐบาล ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ภาคเศรษฐกิจคาดหวังว่า ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่แล้ว
ก่อนที่จะเข้าสู่การโหวตเลือกนายก และ การจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ทีม SPOTLIGHT พาย้อนไปดูนโยบายเศรษฐกิจที่โดดเด่นของพรรคภูมิใจไทยในตอนหาเสียงกันหน่อย เพราะเมื่อภูมิใจไทยได้เข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง นโยบายเหล่านี้ก็น่าจะถูกนำมาผลักดันให้เกิดขึ้นตามที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน ตามสโลแกน ‘ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ’
1.พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท
โครงการนี้ ภูมิใจไทยระบุว่า จะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินประชาชนได้จริง เพราะพักหนี้ในที่นี้ คือ พักทั้งต้น และดอกเบี้ย เรียกว่า ไม่ต้องจ่ายเลย 3 ปีเต็ม วงเงินของหนี้คือไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ในระบบที่มีการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กับ เจ้าหนี้ที่รัฐบาลรับรองให้ปล่อยเงินกู้ได้ ได้แก่ ธนาคาร / สถาบันการเงิน / สหกรณ์ / กยศ. / กองทุนหมู่บ้าน / บัตรเครดิต / ไฟแนนซ์ / ลีซซิ่ง
ทำได้จริงหรือ
ภูมิใจไทยระบุในเว็บไซต์ว่า ทำได้จริง เพราะวิธีการคือ การออกพันธบัตรรัฐบาล ชื่อ พันธบัตร Thai Power หรือ พันธบัตรคนไทยรวมพลัง จำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีเงินฝาก ดอกเบี้ย ร้อยละ 2.5-3 แล้วนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตร มาแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนที่เป็นหนี้ เมื่อครบเวลาพักหนี้ 3 ปี ประชาชน จะมีความสามารถชำระหนี้ ได้เพิ่มขึ้น เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ มากขึ้น ลดปัญหาหนี้สินให้ประชาชน ลดปัญหาหนี้เสียให้ธนาคาร สถาบันการเงิน สหกรณ์ และกองทุนต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้
โดยนโยบายนี้พรรคภูมิใจไทยระบุว่า จะเริ่มได้ภายใน 3 เดือน หลังจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะนายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น
2. นโยบาย เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องค้ำมีหลักทรัพย์ประกัน
พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายให้คนไทยทุกคนที่บรรลุนิติภาวะอายุ 20 ปีขึ้นไป มีวงเงินกู้ฉุกเฉินคนละ 50,000 บาท เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินของชีวิตตัวเองและครอบครัว หรือใช้เป็นทุนประกอบอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ตัวเอง รวมไปถึงใช้เป็นเงินปิดวงจรหนี้นอกระบบของตัวเองได้
โดยการจัดหาแหล่งเงินมาจัดทำโครงการเงินกู้ฉุกเฉินให้แก่ประชาชนคนละ 50,000 บาท ผ่อนชำระคืนวันละ 150 บาท เป็นเวลา 365 วัน คิดเป็นเงินต้นรวมดอกเบี้ย 54,750 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่เชื่อว่าผู้กู้สามารถผ่อนชำระได้ และทำให้ทุกคนมีเงินทุนประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ รวมถึงหยุดปัญหาหนี้นอกระบบของตนเองได้อีกทางหนึ่ง
3.นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน
1.ฟรี โซล่าเซลล์ หลังคาบ้าน ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท
ประชาชนทุกคน ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการใช้หลังคาบ้าน ติดตั้งโซล่าเซลล์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ในบ้านเรือนของตนเอง คิดเป็นค่ากระแสไฟฟ้า ไม่น้อยกว่า 450 บาท ต่อเดือน โดยรัฐบาล จะติดตั้ง โซล่าเซลล์ ให้แก่ประชาชน ที่นำบ้าน หรือที่พักอาศัย สถานประกอบการ เข้าร่วมโครงการ ฟรี และ รับซื้อกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากประชาชน โดยการบันทึก เป็นเครดิตพลังงาน ที่ประชาชน นำไปใช้จ่ายเมื่อใช้กระแสไฟฟ้า สำหรับบ้านเรือน และ ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ได้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะได้รับส่วนลดค่ากระแสไฟฟ้า และ เครดิตพลังงาน เป็นเวลา 25 ปี ตามอายุโครงการความร่วมมือผลิตกระแสไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ระหว่างรัฐบาลกับประชาชน
2.รับสิทธิซื้อ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ราคา 6,000 บาท ผ่อนจ่ายเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 60 งวด
ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการติดตั้งโซล่าเซลล์ ฟรี จะได้รับสิทธิซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบ้านละ 1คัน ในราคา 6,000 บาท ด้วยระบบผ่อนชำระ เดือนละ 100 บาท เป็นเวลา 60 เดือน และสามารถใช้เครดิตพลังงาน เติมกระแสไฟฟ้า ได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าพลังงานสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน ทั้งการซื้อรถราคาถูก และ ไม่ต้องเสียเงินค่าพลังงาน
ประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จากรัฐบาล ในฐานะผู้ผลิตพลังงานสะอาดให้กับรัฐบาล ลดการลงทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าของรัฐบาล และ สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย ที่จะก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่ผลิตพลังงานสะอาด เป็นลำดับต้นๆ ของโลก
นอกจาก 3 นโยบายนี้แล้ว ภูมิใจไทยยังมีนโยบายอื่นๆอีกหลายเรื่อง เช่น รถเมล์ไฟฟ้า ลด Pm 2.5 ค่าโดยสารเริ่มต้น 10 บาท สูงสุด 40บาท ทุกเที่ยว ทุกสาย ตลอดวัน , นโยบายด้านเกษตร “เกษตรร่ำรวย” ด้วย Contract Farming รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกันนำมาใช้กับพืช 4 ชนิด ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และ ปาล์มน้ำมัน และจะขยายไปสู่พืช หรือ ผลผลิตการเกษตรชนิดอื่นๆ ต่อไป เช่น ข้าวโพด มะพร้าว ลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ของประเทศไทย และยังมีนโยบายอื่นๆอีกเพียบ
ไม่มีใครตอบได้อย่างชัดเจนว่า สิงหาคมนี้ ประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่แล้วหรือยัง และรัฐบาลใหม่จะมีเสถียรภาพแค่ไหน แต่ที่รู้แน่ๆคือ สภาพเศรษฐกิจที่ประชาชนคนไทยกำลังเผชิญอยู่ในภาวะที่ยากลำบากพอสมควร หลังผ่านสถานการณ์โควิดกันมา คงไม่สนุกแน่ หากต้องปล่อยให้เศรษฐกิจไทยอยู่บนสุญญากาศทางการเมืองต่อไป
ที่มาข้อมูล พรรคภูมิใจไทย