ข่าวเศรษฐกิจ

รัฐต้องอุ้มราคาก๊าซ LPG และ น้ำมันดีเซล เพราะคนไทยจ่ายไม่ไหว

27 มิ.ย. 67
รัฐต้องอุ้มราคาก๊าซ LPG และ น้ำมันดีเซล เพราะคนไทยจ่ายไม่ไหว

ในภาวะเศรษฐกิจไทยตอนนี้ การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ให้สูงขึ้นอีก น่าจะไม่ใช่หนทางที่รัฐบาลจะนำมาใช้ เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชนให้มีภารค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอีกแน่นอน ทางเลือกที่ถูกใช้ในตอนนี้เพื่อพยุงราคาพลังงานในประเทศ คือ การใช้เงินกองทุนน้ำมันมาอุดหนุนต่อไป แม้สภาพของกองทุนน้ำมันจะติดลบหนัก 110,743 ล้านบาทแล้วก็ตาม   

การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ในวันนี้ (27 มิ.ย.67) มีการตรึงราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 423 บาท สำหรับถัง 15 กิโลกรัมออกไปอีก 3 เดือน คือตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน 67 เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนลดค่าครองชีพในปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่ช่วยอุ้มราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มอยู่ในเวลานี้คือ กองทุนน้ำมัน ที่ปัจจุบันมีสถานะติดลบสูงถึง 110,743 ล้านบาท และกระทรวงพลังงานมีความพยายามในการหางบประมาณส่วนอื่นมาดูแลราคาพลังงานเช่น งบกลาง แต่ก็ยังไม่เป็นผล ทำให้กองทุนน้ำมันยังคงต้องรับหน้าที่ช่วยตรึงราคาต่อไป 

กองทุนน้ำมันติดลบแสนล้าน

โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันติดลบจากการอุดหนุนราคาแอลพีจี 47,622 ล้านบาท  โดยอุดหนุน LPG อยู่ในอัตรา  4.75 บาทต่อกิโลกรัม  ดังนั้นหากไม่มีการอุดหนุน แอลพีจีเลยแท้จริงแล้วราคาแอลพีจีจะอยู่ที่ 30.62 บาท/ก.ก. ทำให้ราคา แอลพีจีถังขนาด 15 ก.ก.ตามกลไกตลาดจะอยู่ที่ 459.3 บาทต่อถัง 

ขณะที่ราคาน้ำมันปัจจุบันกองทุนน้ำมันอุดหนุนอยู่ทำให้ติดลบ 63,121 ล้านบาท โดยมีการอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 2.02 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ในปัจจุบัน ดังนั้นหากไม่อุดหนุนราคาดีเซลไปถึง 35 บาทต่อลิตรแน่นอน 

กบง.ช่วยเหลือราคาน้ำมันกับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการบริหารกิจการพลังงาน (กบง.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน ได้เปิดเผยว่า ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินในประเทศปรับตัวสูงขึ้น มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567 จึงมีความจำเป็นในการพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในช่วงที่ระดับราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านราคาน้ำมัน ลดภาระค่าครองชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มศักยภาพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

กบง.จึงได้มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานหารือกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอเรื่องขออนุมัติหลักการจากคณะรัฐมนตรี (คาม.) โดยรูปแบบจะให้สิทธิช่วยเหลือค่าน้ำมัน 120 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดมาตรการฯ ตามขั้นตอน ข้อกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์รายละเอียดความคืบหน้าเพื่อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทราบโดยทั่วกัน


ขณะที่สัญญาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก WTI ในตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (26 มิ.ย.)  เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 80.90 ดอลลาร์/บาร์เรล  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 85.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพราะแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าสงครามที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างออกไปนอกฉนวนกาซา อาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลางตามมา

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT