เปิดอันดับประเทศให้เงินอัดฉีดนักกีฬาโอลิมปิกมากที่สุด ได้เหรียญแล้วได้เงินเท่าไหร่?

หลังการแข่งขันโอลิมปิกปี 2024 ที่กรุงปารีสเริ่ม นักกีฬาจากประเทศต่างๆ ก็ได้เข้าร่วมแข่งขันเพื่อชิงเหรียญกันอย่างดุเดือด โดยเจ้าเหรียญทองในขณะนี้ยังเป็น ‘จีน’ ที่คว้าเหรียญทองไปแล้วถึง 11 เหรียญ และเหรียญทั้ง 3 ประเภท รวมกันแล้ว 25 เหรียญ

แต่แม้จะเรียกได้ว่าเป็นรางวัลสูงสุดของนักกีฬาหลายประเภท รู้หรือไม่ว่า 'โอลิมปิกไม่มีเงินรางวัล' โดยผู้ที่ชนะได้เหรียญจากการแข่งขันโอลิมปิกจะไม่ได้รับเงินรางวัลจาก คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee) แต่จะได้เงินรางวัลจากหน่วยงานของแต่ละประเทศที่ทำหน้าที่ให้เงินรางวัล หรือเงินอัดฉีด กับนักกีฬาที่ได้เหรียญเอง และนักกีฬาในบางประเทศ เช่น อังกฤษ และนอร์เวย์ จะไม่ได้รับเงินรางวัลเมื่อได้เหรียญเลย

ดังนั้น เงินรางวัล และรางวัลจูงใจอื่นๆ ที่นักกีฬาแต่ละประเทศจะได้รับหลังจากชนะเหรียญโอลิมปิกอยู่ในระดับที่ไม่เท่ากัน และไม่มีมาตรฐานตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละหน่วยงานของประเทศนั้นๆจะตัดสินใจให้เงินกับผู้ชนะเหรียญแต่ละประเภทเท่าไหร่

บทความนี้ SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนไปดูกันว่านักกีฬาแต่ละประเทศได้เงินอัดฉีดสำหรับเหรียญโอลิมปิกเท่าไหร่กันบ้าง? ประเทศหรือเขตเศรษฐกิจไหนจะให้มากที่สุด? และนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญกลับมาประเทศไทยได้จะได้เงินรางวัลเท่าไหร่กันบ้างในปี 2024?

‘ฮ่องกง’ อัดฉีดมากที่สุด ‘ไทย’ อันดับ 3

ในหลายๆ ประเทศ หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดระดับเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาโอลิมปิก คือ คณะกรรมการโอลิมปิก (National Olympic Committee) หรือหน่วยงานส่งเสริมด้านกีฬาในแต่ละประเทศ โดยใน ‘ประเทศไทย’ รับผิดชอบโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย (NSDF) ที่จะให้เงินอัดฉีดแก่นักกีฬาโอลิมปิกชาวไทยทุกคนที่ได้เหรียญ จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาจากหน่วยงานดังกล่าว รวมถึงสื่อ พบว่า เขตเศรษฐกิจที่ให้เงินอัดฉีดนักกีฬามากที่สุดในโลก คือ ‘ฮ่องกง’ ที่ให้เงินอัดฉีดแก่นักกีฬาที่ได้เหรียญทองถึง 768,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 27,456,000 บาท ให้แก่นักกีฬาเหรียญเงิน 384,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13,728,000 บาท และให้แก่นักกีฬาเหรียญทองแดง 192,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,864,000 บาท โดยทั้งหมดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากเงินอัดฉีดในช่วงโอลิมปิกโตเกียวปี 2020 ถึง 20%

รองลงมา ได้แก่ ‘สิงคโปร์’ ที่ให้เงินอัดฉีดแก่นักกีฬาที่ได้เหรียญทองถึง 745,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 26,633,750 บาท ให้แก่นักกีฬาเหรียญเงิน 384,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13,334,750 บาท และให้แก่นักกีฬาเหรียญทองแดง 192,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,649,500 บาท

สำหรับ ‘ประเทศไทย’ ก็ไม่น้อยหน้า ตามมาที่อันดับที่ 3 โดยให้เงินอัดฉีดแก่นักกีฬาที่ได้เหรียญทองสูงสุดถึง 12,000,000 บาท ให้แก่นักกีฬาเหรียญเงินสูงสุดถึง 7,200,000 บาท และให้แก่นักกีฬาเหรียญทองแดงสูงสุดถึง 4,800,000 บาท

นักกีฬาโอลิมปิกไทยเลือกได้ว่าจะรับแบบก้อนหรือผ่อนจ่าย

ขณะที่ประเทศอื่นส่วนมากจะให้เงินรางวัลแก่นักกีฬาเป็นในลักษณะก้อนเดียวจบ นักกีฬาโอลิมปิกของไทยมีความพิเศษกว่าทุกประเทศ เพราะเงินรางวัลได้ถูกออกแบบมาให้สามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเป็นก้อนทีเดียว หรือรับเป็นเงินก้อน 50% และอีก 50% จ่ายรายเดือนเป็นระยะเวลา 4 ปี โดยหากเลือกอย่างหลังมักจะได้เงินมากกว่ารับทีเดียวเป็นก้อน

โดยสำหรับ ‘เหรียญทอง’ หากนักกีฬาเลือกที่จะรับเงินแบบจ่ายครั้งเดียว นักกีฬาจะได้รับเงินทั้งหมด 10,000,000 บาท แต่ถ้าหาเลือกแบบแบ่งจ่าย นักกีฬาจะได้รับเงินทั้งหมด 12,000,000 บาท มากกว่าแบบจ่ายครั้งเดียว 2,000,000 บาท

สำหรับ ‘เหรียญเงิน’ หากนักกีฬาเลือกที่จะรับเงินแบบจ่ายครั้งเดียว นักกีฬาจะได้รับเงินทั้งหมด 6,000,000 บาท แต่ถ้าหาเลือกแบบแบ่งจ่าย นักกีฬาจะได้รับเงินทั้งหมด 7,200,000 บาท มากกว่าแบบจ่ายครั้งเดียว 1,200,000 บาท

สำหรับ ‘เหรียญทองแดง’ หากนักกีฬาเลือกที่จะรับเงินแบบจ่ายครั้งเดียว นักกีฬาจะได้รับเงินทั้งหมด 4,000,000 บาท แต่ถ้าหาเลือกแบบแบ่งจ่าย นักกีฬาจะได้รับเงินทั้งหมด 4,800,000 บาท มากกว่าแบบจ่ายครั้งเดียว 800,000 บาท

นี่ถือเป็นการออกแบบรูปแบบการเลือกรับเงินมาในลักษณะที่ค่อนข้างจูงใจให้นักกีฬาเลือกรับเงินแบบแบ่งจ่าย เพราะจะได้เงินอัดฉีดมากกว่ารับเป็นก้อน สูงสุดถึง 2 ล้านบาทกันเลยทีเดียว

เงินรางวัล พร้อมรถและที่พัก

นอกจากเงินรางวัลแล้ว รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทเอกชน ในบางประเทศยังให้รางวัลอัดฉีดจูงใจนักกีฬาให้ทุ่มเทคว้าเหรียญกันมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ที่พัก รถหรู เงินบำนาญ ภาพวาด ทุนการศึกษา หรือแม้แต่ข้าวสาร และวัว

ในปี 2024 นักกีฬา ‘คาซักสถาน’ ที่ได้รับเหรียญจากโอลิมปิกจะได้รับเงิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับเหรียญทอง 150,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 75,000 ดอลลารสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง แต่นอกจากเงินรางวัลแล้ว นักกีฬายังจะได้อพาร์ตเมนต์ที่พักจากรัฐบาลคนละแห่งด้วย

ส่วนทางด้าน ‘มาเลเซีย’ นักกีฬา ที่ได้รับเหรียญจากโอลิมปิกจะได้รับเงิน 216,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับเหรียญทอง 65,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับเหรียญเงิน และ 22,000 ดอลลารสหรัฐสำหรับเหรียญทองแดง 

แต่นอกจากเงินรางวัลจากรัฐบาลแล้ว บริษัทเอกชนในมาเลเซียบางแห่งยังอัดฉีดนักกีฬาเพิ่มด้วยการให้อพาร์ตเมนต์หรู เงินเพิ่มเติม รถหรูที่ผลิตจากนอกประเทศ

ส่วนนักกีฬา ‘ฮ่องกง’ ที่จะได้รับอัดฉีดเงินจากรัฐบาลมากที่สุดนั้น ยังจะได้รับสิทธิเดินทางฟรีตลอดชีพจาก MTR Corp. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่

นอกจากนี้ ในการแข่งขันโอลิมปิกโตเกียวปี 2020 นักกีฬาจากประเทศต่างๆ ยังได้รับของรางวัลมากมายจากธุรกิจในประเทศ เช่น นักกีฬามาเลเซียที่ได้รับสิทธิกินอาหารและเครื่องดื่มชานมฟรีตลอดชีพจากร้านอาหารในประเทศ นักกีฬาอินโดนีเซียที่ได้รับวัว 5 ตัว ร้านอาหาร และบ้านใหม่ และนักกีฬาญี่ปุ่นที่ได้ของรางวัลเป็นข้าว 100 กระสอบ