รวมถึงประชาชชนที่อาศัยในบริเวณดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน จนล่าสุด กรมเจ้าท่าออกมาระบุว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมายเตรียมเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการท่าเรืออันตรายกับ SPRC หลังเหตุน้ำมันรั่วจังหวัดระยอง
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดการรั่วไหลของน้ำมันเมื่อวันที่ 25 ม.ค. และ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีน้ำมันรั่วไหลในครั้งที่ 2 ประมาณ 5,000 ลิตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง โดยมีการวางเรือเพื่อควบคุมติดตามในระยะ 1,000 เมตร
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันจากการตรวจสอบพบว่าใต้ทุ่นมีจุดรั่วไหล 2 จุด โดยบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว เหลือจุดที่ 2 ห่างกับจุดแรกประมาณ 1 เมตร ความกว้างประมาณ 70 เซนติเมตร และขณะนี้ยังมีน้ำมันค้างท่ออยู่ประมาณ 12,000 ลิตร
“ตอนนี้เราได้หารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรม สภาวิศวกรรมแห่งประเทศไทย ทุกหน่วยก็ยินดีให้คำแนะนำและพิจารณากำหนดถอดบทเรียน มีผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องทั้งไทยและเทศเข้ามาช่วยดูมั่นใจ 99% ว่าจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก”
ทั้งนี้ แผนงานที่บริษัทจะเข้าไปดำเนินการ แบ่งเป็น แผนเข้าไปสูบน้ำมันใช้เวลา 3-4 วัน การคืนพื้นผิวและทำแผลท่อใช้เวลา 2 วัน และใช้เวลาปิดรอยรั่วท่ออีก 4 วัน ตามแผนบริษัทจึงเสนอมา 11 วัน ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นจนสูบน้ำมันออกท่อ และต้องใช้ความระมัดระวัง โดยขณะนี้บริษัทได้เริ่มเข้าไปดำเนินการแล้ว
สำหรับการยกเลิกใบอนุญาต ปัจจุบันมีคำสั่งห้ามใช้อยู่แล้ว ไม่มีเรือเข้ามาใช้ทุ่นตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่มีส่วนเกี่ยวเนื่องการอนุญาตให้ประกอบกิจการท่าเรือเรียบ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขและข้อกำหนด อยู่ระหว่างพิจารณาของกองกฎหมายกรมเจ้าท่า ก่อนจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณา
โดยใบอนุญาตส่วนนี้เป็นการอนุญาตท่าเรืออันตราย มีใบอนุญาตได้ครั้งละไม่เกิน 3 ปี ซึ่งกำลังพิจารณายกเลิกว่าทำได้หรือไม่เพราะมีเงื่อนไข ต้องพิจารณาการกระทำความผิดทางกฎหมาย แต่การยกเลิกต้องดูเงื่อนไขทางกฎหมายอย่างละเอียด เพราะเป็นคำสั่งทางปกครอง ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย