ปี 2564 ที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของ “Bitkub” บริษัทด้านคริปโทเคอร์เรนซี และบล็อกเชนอันดับ 1 ของประเทศไทย และ “ท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ซีอีโอและผู้ก่อตั้งของของ Bitkub ที่ได้พาบริษัทก้าวขึ้นเป็น “ยูนิคอร์นด้านฟินเทค” ตัวแรกของไทย ดึงดูดพันธมิตรจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ เช่น เดอะ มอลล์ กรุ๊ป, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ฯลฯ ให้มาสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ไปด้วยกัน บนเครือข่ายบล็อกเชน “Bitkub Chain”
ล่าสุด Bitkub ได้ประกาศยกระดับ Bitkub Chain เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับระบบ รองรับการใช้งานโปรเจกต์ต่างๆ ของ Bitkub และพันธมิตร รวมถึงโปรเจกต์ที่จะทำร่วมกับภาครัฐในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับเศรษฐกิจไทย และสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี
ทีมข่าว Spotlight สรุปความเคลื่อนไหวที่สำคัญในการประกาศอัพเดตระบบ Bitkub Chain พร้อมเผยโฉม 21 พันธมิตร จากงาน “The Next Chpater” มาให้ดังนี้
Hard Fork คือ การอัพเกรดระบบครั้งใหญ่ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดช่องโหว่ให้กับระบบ โดยการอัพเกรดครั้งนี้ Bitkub ใช้ชื่อว่า “Erawan Hard Fork” ซึ่งความหมายว่า “ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ดุจช้างเอราวัณ นำทัพนักพัฒนาไทยก้าวสู่เวทีโลก”
การอัพเกรดระบบ หรือ Hard Fork ในครั้งนี้ จะเปลี่ยนระบบฉันทามติในการทำธุรกรรม จาก POA (Proof of Authority) ไปเป็นระบบ POSA (Proof of Staked Authority) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Bitkub Chain จากที่เคยรองรับได้ 2,000 - 2,500 ธุรกรรมต่อวินาที เป็น 100,000 ธุรกรรมต่อวินาที เมื่อการอัพเกรดสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังอัพเกรดระบบ ฐานข้อมูล และโครงข่าย เพื่อรองรับธุรกรรมจำนวนมากจากโปรเจกต์ต่างๆ และเกมที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมไปถึง Bitkub Metaverse อีกด้วย
อ่านเรื่องความแตกต่างของระบบ POA และ POSA ได้ที่นี่
ในระบบ POSA นี้ ผู้ที่จะมีบทบาทสำคัญก็คือ “Node Validator” หรือผู้ถือครอง Node ที่ทำหน้าที่ยืนยันและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมบน Bitkub Chain โดยผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็น Node Validator ต้องทำการถือครอง (Stake) เหรียญ KUB จำนวน 250,000 KUB หรือมูลค่าประมาณ 65,000,000 บาท
การเพิ่มจำนวน Node Validator ในการทำ Hard Fork ครั้งนี้ จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับ Bitkub Chain เวอร์ชันใหม่ โดยรายชื่อขององค์กรที่จะมาเป็น Node Validator ทั้ง 21 รายได้แก่
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
บริษัท ทีพีซีเอส จำกัด (มหาชน)
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน)
บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
บริษัท ทีพีซีเอ็กซ์ จำกัด
บริษัท อินสเปค จำกัด
ไดมอนด์ ไฟแนนซ์
บริษัท ทูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท มัลติพลาย เทคโนโลยี จำกัด
บริษัท สมาร์ทคอนแทรค บล็อกเชน สตูดิโอ
บริษัท วิลล่า มาร์เก็ท เจพี จํากัด
บริษัท เก็ทลิงส์ จำกัด
บริษัท เอ บี เอ็กซ์ จำกัด
บริษัท ซิคซ์ เนทเวิร์ค
บริษัท ฟิน สเตเบิ้ล จำกัด
บริษัท ชินเอ เซอร์วิส จำกัด
บริษัท ดิ๊ก ดิ๊ก จำกัด
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
บริษัท อาชว์ 2021 (ประเทศไทย) จำกัด
หลังสร้างความฮือฮาให้กับวงการแอนิเมชันและบล็อกเชน จากการจับมือกันของ Bitkub และ “The Monk Studio” สตูดิโอแอนิเมชันสัญชาติไทยที่มีผลงานระดับโลกอย่างเรื่อง Rango, Final Fantasy XV, Journey To The West 2 (ไซอิ๋ว 2017), เคว้ง ฯลฯ เพื่อพัฒนา “Bitkub Metaverse” ล่าสุด ได้เผยตัวอย่างโลกเมตาเวิร์สให้ผู้ชมงานแถลงข่าวได้ชม และผู้ที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวที่หน้างาน ได้สัมผัสแล้ว
6 กิจกรรมหลักที่ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าไปร่วมได้บนโลกเมตาเวิร์สของ Bitkub คือ
Explore - สำรวจโลกเมตาเวิร์ส ไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น Bitkub NFT Gallery, MEGALAND และ STADIUM พร้อมทำภารกิจต่างของแต่ละสถานที่
Socialize - สื่อสารแบบ Real time ด้วยระบบแชท เสียง หรืออีโมต กับคนในโลกเสมือน
Work - สร้างประสบการการทำงานรูปแบบใหม่บนเมตาเวิร์ส
Trade - แลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีกับผู้ใช้งานคนอื่นๆ ได้ ผ่านบัญชี Bitkub ที่ผูกไว้
Customize - ปรับแต่ง Avatar ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงจัดสรรที่ดิน หรือแต่งบ้านที่คุณเป็นเจ้าของได้อย่างอิสระ
Play - สนุกไปกับประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกับผู้ใช้งานคนอื่นๆ บนเมตาเวิร์ส
รับชมวิดีโอตัวอย่างของ Bitkub Metaverse ได้ที่
ในงาน The Next Chapter ที่จัดขึ้นโดย Bitkub นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้แสดงวิสัยทัศน์ เรื่องการพัฒนา “Bitkub Chain” เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนของประเทศไทย
“เทคโนโลยีได้เข้ามาปลดล็อกอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของเรา อย่างแรกเลยคืออินเทอร์เน็ต ที่ได้เข้ามาปลดล็อก Free Flow of Data ทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งทำให้เศรษฐกิจบนโลกดิจิทัลมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตอันใกล้นี้เศรษฐกิจดิจิทัลจะมีขนาดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากการมาของเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Internet from the sky ที่จะเป็นการยิงสัญญาณอินเทอร์เน็ตลงมาจากดาวเทียม ทำให้พื้นที่ทุรกันดารสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น”
“ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังเข้ามาปลดล็อก Free Flow of Capital ทำให้เม็ดเงินในเศรษฐกิจสามารถหมุนเวียนได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือ Micro Entrepreneurship มากขึ้น ซึ่งทางกลุ่ม Bitkub กำลังพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อมาสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีได้” นายจิรายุส กล่าวเสริม