สนามมวยเวทีราชดำเนิน ประกาศพันธมิตรกับ Grab ประเทศไทย อัดโปรทั้งเรียกรถ และซื้อตั๋วดูมวย กระตุ้นกำลังซื้อต่างชาติ ทุ่ม 100 ล้าน โปรโมท Soft Power มวยไทยให้ต่างชาติ ผลักดัน ‘Sport Tourism’
นายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด หรือ GSV เผยว่า ‘สนามมวยเวทีราชดำเนิน’ เผยว่า ปัจจุบัน มีแฟนมวยต่างชาติเพิ่มขึ้น 16 เท่า ซึ่งคิดเป็น 70% จากผู้เข้าชมทั้งหมด หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และได้ปรับภาพลักษณ์สนามมวยใหม่ผนวกกับการเพิ่มจำนวนวันในการจัดการแข่งขันต่อสัปดาห์ โดยนักท่องเที่ยว 5 ชาติที่เดินทางมาชมไฟท์การชกมากที่สุดได้แก่ ชาวจีน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมัน
“มวยไทยถือเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยปัจจุบันรัฐบาลได้ผลักดันให้เป็นหนึ่งใน Soft Power อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามวยไทยให้สามารถเข้าถึงทุกคนและกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของคนทั่วโลก สนามมวยเวทีราชดำเนินซึ่งเป็นเวทีมวยไทยมาตรฐานแห่งแรกของโลกและเป็นต้นกำเนิดของมวยไทยอาชีพจึงได้มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่
พร้อมจัดให้มีการแข่งขันหลากหลายรายการ ทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์ รวมถึงการสร้างรายการใหม่อย่างรายการ ‘ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์’ ที่มีการปรับกติกาและรูปแบบการแข่งขันให้เข้าใจง่ายและน่าติดตาม ด้วยโปรดักชันมาตรฐานระดับสากล โดยถ่ายทอดไปกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครอง เพื่อรองรับกลุ่มคนดูใหม่ๆ พร้อมสร้างสีสันและยกระดับมาตรฐานวงการมวยไทยไปสู่ระดับสากล” นายเธียรชัยกล่าว
ฝั่งราชดำเนิน จึงแจกส่วนลด 10% สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันมวยไทย ณ สนามมวยเวทีราชดำเนิน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกวันจนถึงสิ้นปี พร้อมทั้งชนหมัดกับ Grab ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาทเพื่อโปรโมทกีฬามวยไทยผ่านสื่อและกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ทางฝั่งของ Grab เอง ได้เตรียมส่วนลดเพื่อกระตุ้นการเดินทางไปชมศิลปะแม่ไม้มวยไทย กับส่วนลดพิเศษ 30% สำหรับผู้ใช้บริการ GrabCar Premium และ GrabSUV เมื่อเดินทางไปยังสนามมวยเวทีราชดำเนิน ผ่านโค้ดลด ‘RAJADAMNERN’ ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของเราในปีนี้เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา แกร็บได้ดำเนินกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและพัฒนามาตรฐานบริการเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทาง
โดยมีไฮไลท์สำคัญอย่างการปรับโฉมบริการ GrabCar Premium ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Ultimate 5 Senses Experience รวมถึงการร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำแคมเปญ ‘อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับ Grab’ และจัดทำไกด์บุ๊ค Grab&Go เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ”