เทสลา (Tesla) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2025 โดยพบว่าทั้งรายได้รวมและกำไรต่อหุ้นต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สาเหตุหลักมาจากยอดขายยานยนต์ที่หดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงสามเดือนแรกของปี รายได้รวมของบริษัทลดลง 9% เหลือ 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2.13 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายรถยนต์ดิ่งลงถึง 20% เหลือประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบอยู่ที่ 336,681 คัน ลดลง 13% จากปีก่อนหน้า
ด้านรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง Cybertruck มียอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลงถึง 50% จากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทถึงกับต้องลดราคาลงสูงสุดถึง 8,500 ดอลลาร์ เพื่อเร่งระบายสต๊อก โดยรถรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 70,000 ดอลลาร์ ก่อนหักเงินอุดหนุนจากรัฐ
ผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทร่วงหนักถึง 71% เหลือ 409 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.12 ดอลลาร์ต่อหุ้น จาก 1.39 พันล้านดอลลาร์ หรือ 0.41 ดอลลาร์ต่อหุ้นในปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานลดลง 66% เหลือ 400 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพียง 2.1%
เทสลาอธิบายว่า รายได้ที่ลดลงเกิดจากการหยุดสายการผลิตชั่วคราวในโรงงานทั้ง 4 แห่ง เพื่ออัปเกรดเตรียมการผลิต Model Y รุ่นใหม่ อีกทั้งราคาขายเฉลี่ยของรถที่ลดลงและการใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขายยังบั่นทอนกำไร นอกจากนี้ บริษัทยังแบกรับต้นทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง
ในช่วงต้นปีนี้ เทสลายังเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากผู้ผลิตจีนที่ต้นทุนต่ำ และความล้าหลังในตลาดแท็กซี่ไร้คนขับ ซึ่ง Waymo ของ Alphabet ยังคงเป็นผู้นำ โดยเทสลาวางแผนจะเปิดตัวบริการรถไร้คนขับแบบนำร่องในเมืองออสติน รัฐเทกซัส ภายในเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ แม้ภาพรวมรายได้หลักจะลดลง แต่รายได้จาก “เครดิตสิ่งแวดล้อม” ที่ได้จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 595 ล้านดอลลาร์ จาก 432 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งช่วยพยุงรายได้ในธุรกิจยานยนต์ให้อยู่ในแดนบวก
ขณะเดียวกัน ธุรกิจด้านพลังงานและการจัดเก็บพลังงานของเทสลามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 67% แตะระดับ 2.73 พันล้านดอลลาร์ จาก 1.64 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อน เทสลาเผยว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ขยายตัวทั่วโลก หนุนให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในระบบไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม เทสลายังเตือนว่า ธุรกิจพลังงานยังต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างประเทศเป็นหลัก และการเพิ่มขึ้นของอัตราภาษีนำเข้าภายใต้นโยบายของสหรัฐฯ อาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานในระยะสั้น
ในปี 2025 เทสลาประสบความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะจากนโยบายภาษีนำเข้าที่ส่งผลให้ต้นทุนของชิ้นส่วนที่จำเป็นในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้น เช่น อุปกรณ์การผลิต แผงวงจร กระจกยานยนต์ และเซลล์แบตเตอรี่ และบทบาทของซีอีโอ อีลอน มัสก์ ซึ่งปัจจุบันรับตำแหน่งสำคัญในคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการปรับลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลกลาง
จากการรายงานของ The New York Times การทำงานในหน่วยงาน "Department of Government Efficiency" หรือ DOGE ของอีลอน มัสก์ กระทบต่อภาพลักษณ์และการดำเนินงานขององค์กร โดยการที่มัสก์แสดงการสนับสนุนขบวนการฝ่ายขวาจัด ทำให้ผู้บริโภคเสรีนิยมและสายกลางบางกลุ่มเลิกสนใจซื้อรถเทสลา
เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง ในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์กับนักลงทุน มัสก์ได้กล่าวว่า เขาจะลดบทบาทในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ลง และจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับการดูแลกิจการของเทสลามากยิ่งขึ้น หลังกำไรบริษัทลดลงอย่างหนัก โดยจะกลับมาโฟกัสกับเทสลาอย่างเต็มที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทำให้มูลค่าหุ้นของเทสลาปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2025 ราคาหุ้นของเทสลาปรับตัวลดลงถึง 41% และปรับลดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 ในไตรมาสแรก
ในรายงานต่อผู้ถือหุ้น เทสลาเตือนว่า ความไม่แน่นอนในตลาดยานยนต์และพลังงานยังคงเพิ่มขึ้น จากผลกระทบของนโยบายการค้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ซึ่งมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานและโครงสร้างต้นทุนทั้งของเทสลาและบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน อีกทั้งยังชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงในมุมมองทางการเมืองอาจส่งผลต่ออุปสงค์ในระยะสั้น
ในการแถลงผลประกอบการครั้งนี้ เทสลาไม่ได้ให้แนวโน้มการเติบโตในปีนี้อย่างชัดเจน และระบุว่าจะพิจารณาปรับแนวทางประเมินผลประกอบการปี 2025 อีกครั้งในรายงานไตรมาสที่สอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญความท้าทายหลายด้าน มัสก์ยังเน้นว่าอนาคตของเทสลาอยู่ที่เทคโนโลยี AI สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้เกิดบริการ “Cybercabs” หรือรถรับส่งอัตโนมัติที่สร้างรายได้ และยืนยันว่าโครงการทดลองให้บริการรถยนต์ไร้คนขับในเมืองออสติน รัฐเทกซัส จะยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม ขณะเดียวกัน บริษัทยังเตรียมเริ่มต้นการผลิตต้นแบบหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ในโรงงานเมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ภายในปีนี้ เพื่อขยายบทบาทสู่เทคโนโลยีอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ เทสลายังยืนยันว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์รุ่นราคาประหยัดภายในเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจเป็นกุญแจฟื้นยอดขาย แต่บริษัทยังไม่แสดงต้นแบบ หรือให้รายละเอียดว่า รถรุ่นใหม่นี้จะเป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด หรือเป็นรุ่นย่อส่วนของ Model 3 หรือ Model Y กันแน่
ที่มา: CNBC, The New York Times