นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า “ปี 2566 นับเป็นปีที่สำคัญของเมืองไทยประกันชีวิต ในการอยู่เคียงข้างสร้างรอยยิ้มแก่คนไทย ครบ 72 ปี และยังเป็นปีที่บริษัทฯ ได้รับคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงถึง 58 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่ก่อนหน้าถึง 17 คะแนน โดยคะแนนดังกล่าวบ่งชี้ความผูกพันธ์และความพึงพอใจของลูกค้าผ่านคำถามง่าย ๆ ว่า ลูกค้ามีแนวโน้มจะแนะนำแบรนด์ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จักมากน้อยเพียงใด ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินงานเพื่อลูกค้า อย่างครบวงจรของ MTL”
สำหรับปี 2566 มีเบี้ยประกันรับใหม่เติบโต 7 หมื่นล้านบาท และมียอดเบี้ยประกันในส่วน life protection (ประกันชีวิตและสุขภาพ) กว่า 60% แต่ในปี 67 ตั้งเป้าสู่การขยายพอร์ต protection เป็น 70% ของเบี้ยประกันรวม ส่วนเบี้ยประกันชีวิตรวมของ MTL ในปี 67 นี้ จะเป็นทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมประกัน
สำหรับในปี 2567 ทิศทางการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันรับใหม่กว่า 20%จากปีก่อน โดยจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทั้งกลุ่มประกันชีวิต ประกันเกษียณ ตลอดจนสุขภาพและโรคร้าย
ในปี 2567นี้ เมืองไทยประกันชีวิต ตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 เพื่อนคู่คิดการวางแผนชีวิตสุขภาพที่คุณวางใจ ด้วยกลยุทธ์ “Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง… ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง” กลยุทธ์นี้มุ่งสู่การขายแบบประกันคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ที่ไม่อ่อนไหวต่อภาวะดอกเบี้ยและเป็นแบบพื้นฐานของการประกันชีวิต โดยปัจจุบันคนหันมาสนใจการซื้อประกันประกันสุขภาพจำนวนมาก และหันมาซื้อประกันคุ้มครองชีวิตและการวางแผนเรื่องมรดกมากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19
กลยุทธ์ Happiness, Your Way มีการดำเนินงานผ่าน 2 แนวคิดหลัก ดังนี้ :
เน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการเฉพาะบุคคล เพื่อให้ลูกค้าได้สร้างความต้องการในแบบที่ตนอยากได้รับด้วยตัวเอง เช่น ความร่วมมือในการขายประกันชีวิตและสุขภาพผ่านความร่วมมือกับ LINE BK หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ของบริษัทที่ให้บริการลูกค้าอย่าง MTL Online Sale Website (https://online.muangthai.co.th/th?cateCode=CA001), แอปพลิเคชัน MTL Click รวมถึงแอปพลิเคชันใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง MTL Connect ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตัวแทนประกันชีวิตของบริษัทในการดูแลลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จากปี 2566 พบว่า LINE BK ถือเป็นช่องทางใหม่ที่เข้ามาเติมเต็มการขายประกันสุขภาพ ที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพได้อย่างดีเยี่ยม โดยมีกลยุทธ์ ดังนี้
ดังนั้น จึงทำให้ลูกค้ากว่า 60% เป็นลูกค้าอายุต่ำกว่า 35 ปี จากกระแสการตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้า ทำให้แผนงานในปี 25467 ทางเมืองไทยประกันชีวิตจะรุกตลาด Gen Z ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการขายแบบ Online Sale
สร้างสรรค์นวัตกรรมให้ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิตของผู้คนทุกกลุ่ม โดยจะเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพเพื่อส่งมอบความคุ้มครองให้กับคุณและคนรอบข้าง ส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ดีเพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย การรักษาอย่างครอบคลุมและตรงจุด และสิทธิประโยชน์สำหรับทุกๆ ไลฟ์สไตล์ เมื่อเจ็บป่วยสามารถเข้าถึงสถานพยาบาลในเครือข่ายมากกว่า 860 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทยังนำเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาช่วย ทั้ง AI, Machine Learning, Automation และ Digital Tools อื่นๆ ในทุกกระบวนการ ทั้งการขาย การพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ เพื่อตอบโจทย์ร่วมกับพาร์ตเนอร์ทางการขายและเจ้าหน้าที่บริการ ซึ่งทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานภายใน พาร์ตเนอร์ ลูกค้า และบุคคลต่างๆ ในสังคม
นายสาระ ล่ำซำ ยังกล่าวอีกว่า “ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ MLT ไม่ได้เน้นการเติบโตด้านรายได้แต่เพียงอย่างเดียวแต่ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอีกด้วย โดยมองว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน คือ การประสานความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ วัน”
MTL จะทำธุรกิจประกันชีวิตเป็นหลัก จึงสร้างความยั่งยืนในมิติสังคมเกี่ยวข้องกับเรื่องการประกันชีวิต โดยมุ่งสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) ไม่ว่าจะเป็นการขยาย อายุรับประกันภัยสำหรับแบบประกันภัยหลัก ๆ ถึง 90 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองต่อเนื่องสูงสุดถึงอายุ 99 ปี
เช่นเดียวกับ การพัฒนาแผนการประกันเข้าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไร้ข้อกำจัดด้านอายุโรคประจำตัว หรือกลุ่มเปราะบาง เพื่อสร้างความอุ่นใจโดยไม่เป็นภาระและสุขภาพที่ดีในรูปแบบใหม่ ๆ ตามสภาวะโลกที่เปลี่ยนไป เช่น นำเสนอประกันที่เข้าถึงกลุ่มคนตัวเล็กมากขึ้น
MTL ได้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และ มิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย โดยได้เปิดโอกาสให้ลูกค้า Unit-Linked สามารถลงทุนในสินทรัพย์สีเขียว เช่น
อีกทั้ง ยังปลูกฝังวัฒนธรรมสีเขียวให้แก่พนักงานในองค์กรทุกคน เช่น การแยกขยะ การลดใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง การลดใช้กระดาษผ่านกระบวนการดิจิทัลต่างๆ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อให้มีการขยายผลสู่สังคมในวงกว้างต่อไป
โดยในปี 67 MTLได้ตั้งเป้าการนำเสนอมากกว่าบริษัทประกันฯ แต่รวมไปถึงการนำเสนอการเข้าถึงการบริการ ไปจนถึงเรื่องของสไมล์คลับ รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ ทั้งโรงพยาบาล คลีนิค nursing home ตามหลักเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด เดิมบริษัทมีลงทุนโรงพยาบาลอยู่แล้ว 10% ซึ่งเป็นไปตามที่ คปภ.กำหนด ซึ่งการที่ คปภ.เปิดให้ลงทุนกิจการสถานพยาบาลได้ทุกประเภทและคลินิก โดยต้องลงมากกว่า 20%
ด้านนายธนัญชัย สัจจะปรเมษฐ รองกรรมการผู้จัดการ CFO ได้กล่าวว่า “ขณะเดียวกันในปีนี้จะมีความชัดเจนเรื่องการลงทุนในคลินิกเฉพาะทางและสถานดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home) เป็นลักษณะร่วมทุน (Joint Venture) โดยผลตอบแทนจะคล้ายกับการลงทุนเรียลเอสเตตบวกกับเซอร์วิส โดยผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับลักษณะโครการ เช่น เพื่อพักอาศัย, เพื่อผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเซอร์วิสชาร์จ ก็จะมีความแตกต่างกัน”
ส่วนหุ้น อาจต้องดูภาวะตลาดและให้ความสำคัญเรื่องจังหวะเวลาในการเข้าลงทุนมากขึ้น โดยเน้นลงทุนหุ้นที่มีความยั่งยืนและปันผลสูง ทั้งนี้กำลังหารือ Fund Manager ซึ่งอาจจะลดพอร์ตหุ้นต่างประเทศลงบ้าง ขณะที่พอร์ตหุ้นไทยอาจะมีการเปลี่ยนตัวบริษัทลงทุนใหม่ และเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกองรีทตามภาวะดอกเบี้ยขาลงที่จะกลับมาน่าสนใจ