โดยบีทีเอสต้องได้รับค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน - วงเวียนใหญ่ - บางหว้า และช่วงอ่อนนุช – แบริ่ง (เดือนพฤษภาคม 2562 ถึงพฤษภาคม 2564) และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ – คูคต (เดือนเมษายน 2560 ถึง พฤษภาคม 2564) จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท
ย้อน Timeline คดี “รถไฟฟ้าสายสีเขียว”
โดยปัจจุบันมีหนี้ค่าเดินรถและซ่อมบำรุงที่ กทม.และกรุงเทพธนาคม รวมดอกเบี้ยแล้ว ราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีต้องเสียอัตราดอกเบี้ยปีละประมาณ 2,600 ล้านบาท หรือวันละประมาณ 7 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากแบ่งเป็นยอดเงินที่กทม.และ KT ต้องชำระหนี้ให้กับ บีทีเอส นั้น ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้
รวมแล้วประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และยังไม่นับ ส่วนที่ 4
4. ค่าจ้างตามสัญญาในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบัน- จนสิ้นสุดสัญญาจ้าง ปี 2585
ล่าสุด นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บีทีเอส นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส และพ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงประเด็นนี้
โดยนายคีรี เผยว่า “นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่บีทีเอสได้พิสูจน์ข้อเท็จจริง จนได้รับความเป็นธรรมจาก
ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เราทำงานอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และประชาชน
รับทราบมาโดยตลอด และ ณ วันนี้ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความพยายามที่บีทีเอสทำมาตลอดนั้นไม่สูญเปล่า”
นายคีรี กล่าวยืนยันอีกว่า “บีทีเอสทำงานบนพื้นฐานความถูกต้อง และได้ปรึกษาทีมกฎหมาย
อย่างครบถ้วน ถ้าสัญญาไม่พร้อมหรือไม่ถูกต้อง ตนย่อมไม่ลงนามอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพราะบีทีเอส
เป็นบริษัทมหาชน ดังนั้น ตนต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นทุกคน รวมถึง กลุ่มผู้โดยสาร ที่ตนยืนยันเสมอมาว่า
จะไม่หยุดเดินรถอย่างแน่นอน”
ที่สำคัญ คือ คำพิพากษาเกี่ยวกับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ จะเป็นแนวทาง
ในการพิจารณาคดีในหนี้ส่วนที่เหลือต่อไป ทั้งนี้ บีทีเอสก็อยากให้กทม. และ KT คำนึงถึงยอดหนี้ในส่วนที่เหลือด้วยเนื่องจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
นอกจากนี้ บีทีเอสพร้อมที่จะเจรจากับกทม. และ KT ในการหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้บริการสาธารณะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ทั้งนี้ หากทั้งสองหน่วยงานมีแนวทางอื่น ๆ ที่อยากให้พิจารณา บีทีเอสก็ยินดี และพร้อมที่จะเจรจา หากข้อเสนอเหล่านั้นมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
"รู้สึกดีใจ และเป็นชัยชนะให้กับตัวเองที่ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์มาโดยไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าลูกหนี้เข้าใจ
เพราะสัญญาและการจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอะไรผิด ฉะนั้นสิ่งที่เราทำมา หรือสิ่งที่ตนเคยพูด พวกเราทำอะไรตรงไปตรงมา และทำในสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลา หวังว่ากทม. และ KT จะเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของเอกชนอย่างเรา ที่ไม่เคยหยุดให้บริการเดินรถ และควรให้ฝ่ายกฎหมายเร่งพิจารณาแนวทางการชำระหนี้แก่บีทีเอสโดยเร็ว" นายคีรี กล่าว