ในวาระที่บริษัท โตเกียวเมโทร หนึ่งในผู้ให้บริการระบบรถไฟใต้ดินชั้นนำของกรุงโตเกียว กำลังจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) นั้น นับเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนจะได้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศญี่ปุ่น
บริษัท โตเกียวเมโทร หนึ่งในสองผู้ให้บริการระบบรถไฟใต้ดินรายใหญ่ที่สุดในกรุงโตเกียว กำลังจะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ด้วยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยได้ประกาศราคาเสนอขายที่ 1,200 เยนต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาที่เสนอไว้ (1,100 - 1,200 เยน) การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้มหาศาลถึง 3.486 แสนล้านเยน หรือประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นในรอบ 6 ปี เลยทีเดียว
นักลงทุนให้ความสนใจกับหุ้น IPO ของโตเกียวเมโทรเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุผลหลายประการ อาทิ
ปัจจุบัน รัฐบาลกลางและรัฐบาลนครโตเกียว เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโตเกียวเมโทร โดยถือหุ้นในสัดส่วน 53.4% และ 46.6% ตามลำดับ ทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการขายหุ้นบางส่วนที่ตนเองถือครอง ออกสู่ตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ โดยหุ้นของโตเกียวเมโทร มีกำหนดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวในวันที่ 23 ตุลาคม 2567 นักลงทุนที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อบริษัทหลักทรัพย์เพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้
การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท โตเกียวเมโทร ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในแวดวงการลงทุนของประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นที่ 1,200 เยน ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดของช่วงราคาที่เสนอไว้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท คาดการณ์ว่าการระดมทุนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยสามารถระดมทุนได้กว่า 3.48 แสนล้านเยน ซึ่งนับเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 6 ปี ของตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น
การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ เปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถือครองหุ้นในบริษัทโตเกียวเมโทร ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด นอกจากนี้อีกประเด็นที่นักลงทุนควรพิจารณา แม้ว่าการลงทุนในหุ้นโตเกียวเมโทรจะมีจุดเด่นหลายประการ แต่นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ประกอบการตัดสินใจ เช่น
สรุป การเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท โตเกียวเมโทร นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนที่ มองหาการลงทุนระยะยาว ในธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง มีศักยภาพในการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดรอบคอบ พิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน