เมื่อเศรษฐกิจไทยหนี้ครัวเรือนยังอยู่ระดับสูง เรียกได้ว่า คนไทยหนี้ท่วมนั้น หนี้หนึ่งในนั้น คงหนีไม่พ้น หนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพไว้ใช้ทำมาหากินของคนไทยเลยทีเดียว
แต่สถานการณ์สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปีนี้จะเป็นเช่นไร จะดีขึ้นไหม? คนไทยยังแห่ซื้อรถเพิ่ม? หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางกระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแรง และจะยังแรงอยู่หรือไม่?
โครงสร้างตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของลูกค้ารายย่อยในไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า
- 60-65% ของสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมด คือ ธนาคารพาณิชย์
- 30-35% ของสินเชื่อเช่าซื้อทั้งหมด เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อของบริษัทรถยนต์และผู้ให้บริการอื่นที่มิใช่สถาบันการเงิน
สำหรับสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แแบ่งเป็น
- รถใหม่ สัดส่วน 80%
- รถมือสอง 20%
โดยตลาดรถมือสองจะเป็นผู้ให้บริการกลุ่มที่ไม่ใช่สถาบันการเงินเป็นหลัก โดยเฉพาะนอนแบงก์ และเต้นท์รถ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ที่จะผสมผสานพอร์ตรถ แต่จะมีรถมือสองค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และขนาดกลาง
ปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อ แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- แนวโน้มยอดขายรถยนต์ใหม่ ซึ่งจะมีผลในการเติมสินเชื่อใหม่
- นโยบายการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของพอร์ตสินเชื่อเดิม โดยเฉพาะการตัดขายหนี้ ซึ่งจะมีผลยอดคงค้างสินเชื่อ
- อัตราการชำระคืนของพอร์ตสินเชื่อเดิม ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการวางเงินดาวน์ตั้งต้น และระยะเวลา/จำนวนงวดการชำระคืนสินเชื่อ ปัจจัยนี้จะมีผลในการกำหนดความเร็วในการลดลงของยอดคงค้างสินเชื่อเช่นกัน
ปี 2567 สินเชื่อเช่าซื้อยังกลับมาอยู่ในแดนบวกได้หรือไม่?
โดยปี 2567 ได้รับอานิสงส์จากการเร่งตัวขึ้นของยอดขายรถใหม่ คาดการณ์ที่ 800,000 คัน จากปีก่อน 776,000 คัน จะมีผลเหนืออัตราการตัดขายหนี้ปี 2567 และคาดว่าจะมีโอกาสเห็นยอดคงค้างสินเชื่อที่พลิกกลับมาขยายตัวที่ 1.5% สู่ระดับ 1.197 ล้านล้านบาท
แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึง ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงและปัญหาอำนาจซื้อ จึงทำให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้ออย่างมีข้อจำกัด เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อนโควิดที่ขยายตัว 6.0% ต่อปี
หนี้เสียเช่าซื้อยังต้องเฝ้าระระวัง
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พบว่า NPLs ของสินเชื่อเช่าซื้อในะบบธนาคารพาณิชย์ขยับขึ้นจากระดับ 2.23 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 คิดเป็น 1.89% ของสินเชื่อรวม
ปี 2567 คาดหนี้เสียเช่ารถยนต์ซื้อพุ่งอีก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ ยอดหนี้เสียคงค้างของสินเชื่อเช่าซื้อจจะขยับขึ้นไปที่ 2.66 หมื่นล้านบาท จาก 2..51 หมื่นล้านบาท แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเป็นปีที่ 2 ซึ่งมองว่า ผู้ให้บริการจะมีการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น และตัดหนี้เสียอย่างรวดเร็ว จึงทำให้คาดว่าหนี้เสียเช่าซื้อปีนี้ น่าจะอยู่ที่ระดับ 2.2% ต่อสินเชื่อเช่าซื้อโดยรวมใจ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.13%
ติดตามกระแสรถยนต์ไฟฟ้า BEV
โดยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า BEV ค่อนข้างมาแรง ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของค่ายรถ และกลุ่มผู้ให้บริการเช่าซื้อของบริษัทรถยนต์ที่เน้นการทำการตลาดรถยนต์สันดาปเป็นหลัก รวมถึง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV อาจเข้ามารุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อเอง ซึ่งมีผลต่อทิศทางการแข่งขันในระยะต่อไป ส่วนหลักเกณฑ์ชองทางการเริ่มทยอยใช้และมีประเด็นที่ต้องจับตา ได้แก่ เกณฑ์การปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก