ผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2/2567 ของ ‘เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ หรือ CRC พบว่า ถึงแม้ภาพรวมจะมีการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงปี 2566 แต่กลับพบว่า รายได้และกำไรลดลงอย่างมีนัยจากไตรมาสที่ 1/2567 จากปัจจัยทางฤดูกาล ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวประเทศไทยมีการขยายตัวต่อเนื่อง
โดยรายได้รวมในไตรมาสที่ 2/2567 อยู่ที่ 63,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แต่ลดลง 6.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.91% จากปีที่ผ่านมา แต่ลดลงฮวบมากถึง 23.5% จากไตรมาสที่ 1/2567
- รายได้จากการขาย 56,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากปีที่ผ่านมา แต่ลดลง 6.8% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล
- รายได้ส่วนงานแฟชั่น อยู่ที่ 15,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากปีที่ผ่านมา แต่ลดลง 3.8% จากไตรมาสก่อนหน้า
- รายได้ส่วนงานฮาร์ดไลน์ อยู่ที่ 18,596 ล้านบาท ลดลง 1.3% จากปีที่ผ่านมา และลดลง 4.6% เช่นกัน จากไตรมาสก่อนหน้า
- รายได้ส่วนงานฟู้ด อยู่ที่ 21,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากปีที่ผ่านมา แต่ลดลงมากถึง 10.6% จากไตรมาสก่อนหน้า
- รายได้จากการให้บริการเช่า 1,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีที่ผ่านมา แต่ลดลงเล็กน้อย 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น ทำให้จัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้น และขยายพื้นที่ให้เช่าของส่วนงานในไทยและเวียดนาม
- รายได้จากการให้บริการ 508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 15.6% จากไตรมาสก่อนหน้า หลังมีผู้ใช้บริการศูนย์อาหารมากขึ้น
- รายได้อื่น 4,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีที่ผ่านมา และลดลง 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า
ในขณะที่ภาพรวมครึ่งปีแรก 2567 สามารถกวาดรายได้อยู่ที่ 130,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากปีทีผ่านมา และกำไรสุทธิ 3,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้ 2.5% จากการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด ‘CRC OMNI-Intelligence’ สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านอีโคซิสเต็มที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็ว และมีการขยายพอร์ตโฟลิโอในกลุ่มธุรกิจหลัก ครอบคลุมทั้งในไทย เวียดนาม และอิตาลี
นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งระดับโลก จากการคว้ารางวัลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมในทุกมิติธุรกิจ และยังติดอันดับ 2 ในกลุ่มบริษัทค้าปลีกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการจัดอันดับ FORTUNE Southeast Asia 500
แนวทางดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567
สำหรับครึ่งปีหลัง 2567 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น มั่นใจเร่งเดินหน้าธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ผ่าน 5 แนวทางในการดำเนินงานเพื่อสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมรองรับช่วงไฮซีซั่น และนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
- เดินหน้าลุยกลุ่มธุรกิจสปอร์ต โดยเข้าสู่ธุรกิจ Performance Sports อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการซื้อธุรกิจ-ถือหุ้นใหญ่ของ Rev Edition ในสัดส่วน 75% ซึ่งบริหารแพลตฟอร์มธุรกิจใน 3 แกนหลัก ดังนี้:
- การเป็น Exclusive Brand Distributor ของแบรนด์สินค้ากลุ่ม Sports Performance & Lifestyle ชั้นนำ เช่น Hoka, Saucony และ Teva
- ร้านค้าปลีกในเครือข่ายกว่า 150 สาขา ประกอบด้วยร้าน Rev Runnr และร้านค้าแบรนด์ภายใต้การบริหารของ Rev Edition ในไทยและมาเลเซีย พร้อมมีแผนเปิดสาขาแรกที่สิงคโปร์ในปี 2568 นี้
- Running Sport Community ส่งเสริมศักยภาพ และผลักดันให้นักวิ่งทั่วประเทศไทยที่มีอยู่หลายล้านคน ได้มีการพัฒนาทักษะการวิ่ง และมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ผ่านการเข้าร่วมงานวิ่งต่างๆ และการจัดกิจกรรมมากมาย
ซึ่งการเข้าซื้อธุรกิจ Rev Edition ในครั้งนี้ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจกีฬาของเซ็นทรัล รีเทล และต่อยอดซูเปอร์สปอร์ต ให้เป็นผู้นำด้านกีฬาอย่างครบวงจร โดยเซ็นทรัล รีเทล มั่นใจว่าการร่วมมือกับ Rev Edition จะสร้างการเติบโตร่วมกัน และตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ผู้นำด้านรองเท้าวิ่งในประเทศไทย
- พัฒนาธุรกิจหลัก ผ่านการขยายสาขาใหม่ และปรับโฉมสาขาเดิมในไทยและเวียดนาม
สำหรับประเทศไทย เซ็นทรัล รีเมล วางแผนโฉมห้างสรรพสินค้าในเครือ และขยายร้านค้าแบรนด์ต่างๆ ดังนี้:
- รีโนเวทห้างเซ็นทรัล ชิดลม สู่การเป็น World Class Luxury Destination และได้เปิดตัวโซนใหม่อย่าง Luxe Galerie และ Beauty Galerie โดยจะเปิดตัวห้างเซ็นทรัล ชิดลม โฉมใหม่อย่างเต็มรูปแบบในช่วงปลายปีนี้
- ขยายไทวัสดุเพิ่ม 4 สาขา ทำให้ปิดปีด้วยจำนวน 89 สาขา และเร่งเครื่องโก โฮลเซลล์ ด้วยการขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ทำให้สิ้นปีนี้จะมีโก โฮลเซลล์ ทั้งหมด 10 สาขาทั่วไทย
- เปิดตัวซูเปอร์สปอร์ต New Look ที่สาขาเซ็นทรัล ชิดลม ที่ได้อัปเกรดเป็น Completed Sports Store แห่งเดียวในไทย และมีโซนรองเท้ากีฬาที่ใหญ่ที่สุดในไทยด้วย ด้วยจำนวนแบรนด์
ส่วนในประเทศเวียดนาม เซ็นทรัล รีเทล เตรียมขยายสาขาทั้งศูนย์การค้า GO! และ ไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! อีก 3 สาขาในปีนี้ ทำให้จะปิดปีด้วยจำนวน 42 สาขา พร้อมทั้งเตรียมรีโนเวทอีก 2 สาขาใหญ่ ได้แก่ สาขา Thang Long ในเมืองฮานอย และ Dong Nai ในเมืองโฮจิมินห์ เพื่อรองรับเทศกาล Tet (เทศกาลตรุษจีนของเวียดนาม) ที่จะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า
- ผลักดันยอดขายให้เติบโตในทุกช่องทาง พร้อมยกระดับแพลตฟอร์มออมนิแชแนลต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยเน้นสินค้าที่มีคุณภาพ ครบครัน และบริการที่ดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออมนิแชแนลสูงถึง 19% ของยอดขายทั้งหมด และเพิ่มกำไรอย่างต่อเนื่อง
- บริหารธุรกิจอย่างระมัดระวังในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ด้วย Resilient Ecosystem และกลยุทธ์ 3C ประกอบไปด้วย:
- Cost : บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- Capex : เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business
- Cash Flow : ขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้มีความคล่องตัว
โดยคาดว่า สามารถทำให้เซ็นทรัล รีเทล รักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ระดับ ‘AA-‘ ด้วยแนวโน้ม ‘Stable’ หรือ คงที่ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ถึง 2 ปีซ้อน
- เสริมแกร่งศักยภาพให้พนักงาน ด้วย AI และเทคโนโลยีต่างๆ บนกลยุทธ์ HAI หรือ Human Intelligence บวกกับ Artificial Intelligence เพื่อยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้พนักงานทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และผลักดันองค์กรเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
มุมมองนักวิเคราะห์
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi Securities คาดการณ์ว่า ผลประกอบการปี 2567 เติบโตต่อเนื่อง ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโด จากการปรับปรุงสาขาธุรกิจใหม่ โก โฮลเซลล์ และไทวัสดุ และเน้นการควบคุมต้นทุน ทำให้ยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ เนื่องจากไทวัสดุ คือ พระเอกในครึ่งปีหลัง 2567 ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 40.00 บาท
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ Krungsri Securities มองว่า โมเมนตั้มในไตรมาสที่ 3/2567 คาดว่ายังไม่น่าตื่นเต้น และกำไรปกติจะปรับลงต่อ เนื่องจากฤดูฝนและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้น แต่ในไตรมาสที่ 4/2567 อาจกลับมาเติบโตตามฤดูท่องเที่ยว และเปิดสาขาชิดลมเต็มรูปแบบ ดังนั้น กรุงศรีประเมินระยะสั้น ยังขาดปัจจัยบวก จึงยังไม่ใช่จังหวะลงทุน และประเมินจังหวะลงทุน คือ ช่วงไตรมาสที่ 4/2567
ด้าน AIRA Research เผยว่า เนื่องจาก SSSG ยังติดลบ 1-2% เทียบจากปีที่ผ่านมา จากการจับจ่าย หรือกำลังซื้อชะลอ ไทยและเวียดนามเขข้าสู่หน้ำฝน ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมลดลงต่อ จาก Grab และ Gucci จึงคาดว่ากำไรไตรมาสที่ 3/2567 ชะลอ และเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนที่จะฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาสที่ 4/2567 ทั้งนี้ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 40.00 บาท แนะนำให้ ‘ซื้อเมื่อย่อตัว’