การเงิน

เกาหลีใต้ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี! จุดเริ่มต้นวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง

12 ต.ค. 67
เกาหลีใต้ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี! จุดเริ่มต้นวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างเหนือความคาดหมาย นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี  สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์  ซึ่งสร้างความตื่นตัวในแวดวงเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง  การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้อย่างไร?  บทความนี้จะพาคุณไปวิเคราะห์รายละเอียดพร้อมตรวจสอบประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี! 

ในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2567  ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.25%  นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโรคโควิด-19  การตัดสินใจในครั้งนี้ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่า BOK จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.5% สำหรับปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ คือ อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน 2567 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของ BOK ที่ 2%

BOK ชี้แจงผ่านแถลงการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่ชะลอตัว และความเสี่ยงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่คลี่คลายลง  ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับลดนโยบายการเงินแบบเข้มงวดลงเล็กน้อย และจะประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิดต่อไป

ทั้งนี้  BOK ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 รวม 3% ภายในระยะเวลา 16 เดือน จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ที่ 3.5% ในเดือนมกราคม 2566  โดยในขณะนั้นอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้อยู่ที่ 2.6% ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 6.3% ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี

นักเศรษฐศาสตร์มองว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง

พัค ซอก กิล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเกาหลีใต้ของ JPMorgan ให้สัมภาษณ์กับ CNBC’s Street Signs Asia ในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ในครั้งนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยรอบใหม่

“เหตุผลที่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ แต่เป็นการปรับท่าทีนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า หาก ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ยังคงเดินหน้า “ผ่อนคลาย” นโยบายการเงินแบบเข้มงวดลงอีกราว 0.75%  ก็น่าจะช่วย “กระตุ้นการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนในบางส่วนได้”

ก่อนหน้านี้ ในรายงานเดือนตุลาคม  แคธลีน โอ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเกาหลีใต้ของ Morgan Stanley  ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นสิ่งที่ “รอคอยมานาน”  โดยชี้ว่าเป็นเวลานานถึง 22 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ BOK ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม 2566

แคธลีน โอ  กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจมหภาคเอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเงินเฟ้อ  “เราเห็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีนี้  และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็ดูเหมือนจะลดลง ท่ามกลางค่าเงินวอนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบโลกที่ทรงตัว” รายงานระบุ

นอกจากนี้ อุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่ง Morgan Stanley มองว่าเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้ง ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ไม่ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินที่ผ่านมา  ก็เริ่มลดลงเช่นกัน  ซึ่งทำ ให้คณะกรรมการ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ มีท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น  

แคธลีน โอ ยังคาดการณ์ว่า หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนตุลาคมนี้  ธนาคารกลางเกาหลีใต้ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้งติดต่อกันในแต่ละไตรมาส  ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเกาหลีใต้ลงไปอยู่ที่ 2.5% ในที่สุด

ดอกเบี้ย กระตุ้นเศรษฐกิจ สัญญาณบวกจาก ธนาคารกลางเกาหลีใต้

การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเกาหลีใต้ในครั้งนี้ แม้จะสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย

แม้จะมีเสียงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้  อาจลดดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต  แต่ก็ยังคงต้องจับตามองปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด  เช่น  แนวโน้มเศรษฐกิจโลก  ความผันผวนของค่าเงิน  และสถานการณ์หนี้ครัวเรือน  ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม  การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้  นับเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้  โดยเฉพาะในด้านการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน  ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป

นอกจากนี้  การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ  โดยอาจดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเกาหลีใต้มากขึ้น  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดเงินของประเทศ

ในระยะยาว  ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ  เสถียรภาพทางการเงิน  และการควบคุมเงินเฟ้อ  ซึ่งต้องอาศัยการดำเนินนโยบายการเงินที่รอบคอบ  ยืดหยุ่น  และทันต่อสถานการณ์  เพื่อนำพาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ท้ายที่สุดนี้  การลดอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ในครั้งนี้  เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่  ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน  เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเศรษฐกิจเกาหลีใต้

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT