ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างเหนือความคาดหมาย นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งสร้างความตื่นตัวในแวดวงเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจเกาหลีใต้อย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปวิเคราะห์รายละเอียดพร้อมตรวจสอบประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่ออนาคตเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้
ในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม 2567 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3.25% นับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการระบาดของโรคโควิด-19 การตัดสินใจในครั้งนี้ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่า BOK จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.5% สำหรับปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ คือ อัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน 2567 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของ BOK ที่ 2%
BOK ชี้แจงผ่านแถลงการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่ชะลอตัว และความเสี่ยงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่คลี่คลายลง ดังนั้น คณะกรรมการจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับลดนโยบายการเงินแบบเข้มงวดลงเล็กน้อย และจะประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิดต่อไป
ทั้งนี้ BOK ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 รวม 3% ภายในระยะเวลา 16 เดือน จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ที่ 3.5% ในเดือนมกราคม 2566 โดยในขณะนั้นอัตราเงินเฟ้อของเกาหลีใต้อยู่ที่ 2.6% ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 6.3% ในเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี
พัค ซอก กิล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเกาหลีใต้ของ JPMorgan ให้สัมภาษณ์กับ CNBC’s Street Signs Asia ในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ในครั้งนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยรอบใหม่
“เหตุผลที่ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ แต่เป็นการปรับท่าทีนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า หาก ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ยังคงเดินหน้า “ผ่อนคลาย” นโยบายการเงินแบบเข้มงวดลงอีกราว 0.75% ก็น่าจะช่วย “กระตุ้นการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนในบางส่วนได้”
ก่อนหน้านี้ ในรายงานเดือนตุลาคม แคธลีน โอ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเกาหลีใต้ของ Morgan Stanley ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นสิ่งที่ “รอคอยมานาน” โดยชี้ว่าเป็นเวลานานถึง 22 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ BOK ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม 2566
แคธลีน โอ กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจมหภาคเอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเงินเฟ้อ “เราเห็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีนี้ และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็ดูเหมือนจะลดลง ท่ามกลางค่าเงินวอนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบโลกที่ทรงตัว” รายงานระบุ
แคธลีน โอ ยังคาดการณ์ว่า หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนตุลาคมนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 3 ครั้งติดต่อกันในแต่ละไตรมาส ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเกาหลีใต้ลงไปอยู่ที่ 2.5% ในที่สุด
การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเกาหลีใต้ในครั้งนี้ แม้จะสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย
แม้จะมีเสียงคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ อาจลดดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต แต่ก็ยังคงต้องจับตามองปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของค่าเงิน และสถานการณ์หนี้ครัวเรือน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในด้านการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป
นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ โดยอาจดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเกาหลีใต้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดเงินของประเทศ
ในระยะยาว ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน และการควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งต้องอาศัยการดำเนินนโยบายการเงินที่รอบคอบ ยืดหยุ่น และทันต่อสถานการณ์ เพื่อนำพาเศรษฐกิจเกาหลีใต้ให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ท้ายที่สุดนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่สดใสให้กับเศรษฐกิจเกาหลีใต้