บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS เป็นผู้ประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีโรงพยาบาลเครือข่ายในไทยและกัมพูชา ดำเนินการภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม คือ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ, กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลบี เอ็น เอช , กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท, กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และกลุ่มโรงพยาบาลรอยัล รวมถึงธุรกิจที่ให้การสนับสนุนด้านการแพทย์ ได้แก่ ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ธุรกิจผลิตยาและธุรกิจผลิตน้ำเกลือ เป็นต้น
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเครือข่ายทั้งสิ้น 53 โรงพยาบาล ประกอบด้วยเตียงประมาณ 8,215 เตียง มีความพร้อมด้วยทีมแพทย์มากกว่า 11,000 คน และพยาบาลมากกว่า 7,000 คน
BDMS ทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นที่เหลือ รพ.สมิติเวช
ล่าสุด BDMS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า จะทำคำเสนอขอซื้อหุ้น(Tender Offer ) ของ บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) หรือ SVH ที่เหลืออีก 4.24% ที่ถืออยู่ในมือนักลงทุนรายย่อย ในราคา 480 บาท/หุ้น โดยใช้เงิน 2,033.26 ล้านบาท และจะขอถอนหุ้นของ SVH ออกจากตลาดหลักทรัพย์ แต่คงไม่ต้องตกใจอะไร เพราะปัจจุบัน BDMS ถือหุ้นใหญ่ใหญ่สุด 95.76% ใน SVH อยู่แล้ว ดังนั้นหากการซื้อหุ้นสำเร็จ จะทำให้ BDMS ถือหุ้นในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช 100% เป็นเจ้าของแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์
การทำคำเสนอซื้อเพื่อถอนหุ้น SVH ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสำเร็จได้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขดังนี้
- ผู้ถือหุ้นของ SVH มีมติอนุมัติการถอนหุ้น SVH ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และต้องไม่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการเพิกถอนหุ้นของ SVH เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ SVH โดยกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นของ SVH ในวันที่ 19 ส.ค. 2565
- ต้องได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ สถาบันการเงิน และคู่สัญญาอื่นๆ ตามสัญญาที่เกี่ยวข้อง
โดยหากผ่านทั้ง 2 เงื่อนไขข้างต้นนี้ BDMS จะมีการประกาศช่วงเวลาในการรับซื้อหุ้นอีกครั้งซึ่งหากนักลงทุนรายย่อยคนไหนไม่ต้องการถือต่อก็นำหุ้น SVH มาขายได้ที่ราคา 480 บาท/หุ้น ตามที่ประกาศไว้ แต่หากนักลงทุนรายย่อยรายไหนที่ไม่ยอมขายภายหลังหุ้น SVH ถูกถอนออกจากตลาดหุ้นแล้วจะไม่สามารถทำการซื้อขายได้อีกต่อไปจะเหลือสิทธิ์ประโยชน์หลักๆ คือ การรับเงินปันผลที่บริษัทจะยังคงจ่ายให้ตามนโยบายของบริษัท ดังนั้นนักลงทุนควรพิจารณาในเรื่องนี้ให้รอบครอบด้วย
เครือ SVH เป็นหนึ่งในกิจการหลักที่ทำกำไรให้ BDMS
SVH ดำเนินกิจการโรงพยาบาล 7 แห่ง มีจำนวนเตียงจดทะเบียน 705 เตียง ซึ่งอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ได้แก่ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท, โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์, โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช,โรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี, โรงพยาบาลสมิติเวชไชน่าทาวน์, โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา และโรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี
ปัจจุบัน BDMS ถือหุ้น SVH สัดส่วน 95.76% รับกำไรจาก SVH ในช่วงปี 2558-2564 อยู่ที่ 1,300-1,900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16-23% ของกำไรจากธุรกิจหลักของ BDMS ในแต่ละปี นอกจากนี้ยังจ่ายปันผลดีที่ 958 -1,300 ล้านบาทต่อปปีในช่วงดังกล่าวด้วย SVH
เปิดกำไร BDMS ปี 2561-2564
งบการเงิน ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564
รายได้รวม 79,407 83,893 69,102 75,792
กำไรสุทธิ 9,191 1 15,517 7,214 7,936
(หน่วย:ล้านบาท)
เปิดกำไร ' สมิติเวช' ปี 2561-2564
งบการเงิน ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564
รายได้รวม 12,019 12,796 10,476 11,019
กำไรสุทธิ 1,863 2,001 1,447 1,491
(หน่วย:ล้านบาท)
นักวิเคราะห์ประเมิน BDMS ซื้อ SVH หนุนกำไรเพิ่ม
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินว่า หลังจากการทำคำเสนอหุ้นซื้อหุ้น SVH สำเร็จ จะทำให้ BDMS ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% ใน SVH คาดการณ์ว่าผลบวกไว้ดังนี้
- มี Upside ต่อกำไรสุทธิราว 3%
- เชื่อว่า BDMS สามารถซื้อหุ้น SVH มูลค่า 2,033.26 ล้านบาท โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม เพราะ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 BDMS มีเงินสดในมือพร้อมนำมาใช้ซื้อหุ้นอยู่ที่ 11,300 ล้านบาท
- การซื้อหุ้น SVH ไม่กระทบต่อระดับหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ซึ่งจะยังอยู่ที่ระดับ 0.09 เท่า ถือว่าเป็นระดับที่ต่ำมาก
- คาดกำไรสุทธิของ BDMS ในปี 2565-2566 ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท และ 1.07 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชมีสัดส่วนอยู่ที่ 15-18% ของรายได้รวมของ BDMS
- คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากกลุ่มคนไข้ Fly in ที่เริ่มกลับมามีสัดส่วนรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้/บิลสูงกว่าคนไข้ไทย ส่งผลให้ EBITDA Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 22-23%
บล.กรุงศรี มีมุมมองเป็นบวกว่าการที่ BDMS จะทำคำเสนอซื้อหุ้น SVH จะส่งผลบวกดังนี้
- คาดว่ากำไรของ BDMS จะเพิ่มขึ้นจากประมาณการในปัจจุบันของฝ่ายวิจัยอีก 1-2% ถ้าการทำคำเสนอซื้อสำเร็จและประเมินว่าหลังจากการทำธุรกรรมนี้ งบดุลของ BDMS จะยังคงแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนเงินกู้ยืมสุทธิต่อทุน เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 0.05 เท่า จาก 0.03 เท่าในปัจจุบัน
- โดยยังคงแนะนำซื้อหุ้น BDMS ให้ราคาเป้าหมายที่ 31 บาทต่อหุ้น