ผู้บริหารสอง คนเเห่งเครือสหพัฒน์ ชี้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกเริ่มเห็นสัญญาณผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอยน้อย เห็นได้จากยอดขายของเครือสหพัฒน์ลดลงตั้งแต่ไตรมาสแรก จนถึงไตรมาสที่สอง เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
คุณธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล และประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ได้กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2567 ว่า อยู่ในระดับทรงตัว แต่ในไตรมาสสอง เริ่มเห็นผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เกิดจากไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแฟชั่น ลดลงถึง 30% ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคยังอยู่ในระดับทรงตัว และยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง
ใครบอกเศรษฐกิจดี คือ โกหก
ด้านคุณเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยกับ SPOTLIGHT ว่า “ถ้าบอกว่าเศรษฐกิจดี ก็อาจจะโกหก เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจไม่ดี ก็คือไม่ดี เราก็ต้องยอมรับ ภาวะตลาดโลกเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ ในเมื่อทั้งโลกเผชิญปัญหา และประเทศไทยของเรายังคงต้องพึงพาการส่งออกเป็นหลัก ก็ต้องฝืดเคืองกันเล็กน้อย”
หวังให้รัฐบาลออกนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยผู้บริหารเครือสหพัฒน์ฯ คุณธรรมรัตน์ โชควัฒนา ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ต้องให้กำลังใจรัฐบาลชุดนี้ในการออกนโยบายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว บางอย่างได้ผล และบางอย่างไม่ได้ผล แต่โดยส่วนตัวคิดว่าสูตรมาตรฐาน ที่ลดภาระประชาชนไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม เป็นการกระตุ้นได้เร็วที่สุด เช่น สาธารณูปโภค ค่าพลังงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมถึงการมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เป็นต้น
เครือสหพัฒน์ยันยังไม่ขึ้นราคาสินค้า
นอกจากนี้ เครือสหพัฒน์ฯ ยังยืนยันว่า แม้เศรษฐกิจจะดูไม่สดใสเท่าใดนัก ต้นทุนค่าขนส่ง และวัตถุดิบจะสูงขึ้น แต่สินค้าในเครือสหพัฒน์ฯ ทั้งมาม่า เครื่องอุปโภคบริโภค ของใช้ในชีวิตประจำวัน ทางบริษัทยังไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน แต่บริษัทได้มีการปรับแนวทางการทำงานต่างๆ เพื่อให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทลดลง ทั้งการปรับประสิทธิภาพการทำงาน จะได้ไม่กระทบกับต้นทุนบางอย่างที่เพิ่มขึ้น
‘มาม่า’ ก็ไม่ขึ้นราคา
คุณเวทิต โชควัฒนา ได้เปิดเผยกับ ทีม SPOTLIGHT ว่า ยืนยันว่า มาม่า ยังไม่มีมาตรการขึ้นราคาเร็วๆ นี้ แต่ที่ผ่านมาต้องขอปรับราคาขึ้น 1 บาท เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริงๆ
“ต่อให้เราอยากขึ้นราคา ก็ไม่สามารถขึ้นได้ เพราะว่ารัฐบาลมีมาตรการควบคุมอยู่ แต่ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อผู้บริโภค เพราะสินค้าอย่าง มาม่า ควรเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ เพราะเราต้องการให้มาม่า เป็นสินค้าที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้เสมอ ” คุณเวทิตกล่าว
ดัชนีมาม่า (MAMA Index) คือ ดัชนีที่ใช้ชี้วัดแนวโน้มของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไม่เป็นทางการ โดยใช้ทฤษฎีเรื่องสินค้าด้อยเป็นหลัก โดยมีหลักการสำคัญว่าเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำลง ความต้องการบริโภคสินค้าด้อยจะเติบโตขึ้น เช่นมาม่า ปลากระป๋อง
สำหรับเรื่องของดัชชีมาม่านั้น เขากล่าวว่า “ไม่มีอยู่จริง เพียงแต่ว่าทุกคนจำว่าพอปลายเดือน เงินหมด ก็ต้องกินมาม่า แต่จริงๆแล่วไม่ว่าเศรษฐกิจดี หรือไม่ดี คนก็ยังบริโภคมาม่า “เศษฐกิจดี เราก็เติบโตสูง เพียงแต่ว่า เศรษฐกิจไม่ดี มาม่าก็เติบโต แต่แค่ไม่สูง”