อินไซต์เศรษฐกิจ

เปิด 5 กลโกงมิจฉาชีพออนไลน์สุดฮิต เเนะวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

24 ก.ค. 67
เปิด 5 กลโกงมิจฉาชีพออนไลน์สุดฮิต เเนะวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

istock-1167010635

ภัยร้ายจากโลกออนไลน์กำลังคุกคามคนไทยอย่างหนัก! ศูนย์ AOC 1441 (ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ได้ออกมาเปิดเผยสถิติที่น่าตกใจ โดยพบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อกลโกงออนไลน์จำนวนมาก สร้างความเสียหายทั้งทางทรัพย์สินและความเชื่อมั่นในโลกดิจิทัล วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึก 5 กลโกงยอดฮิตที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงเหยื่อ พร้อมเผยวิธีป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากเงื้อมมือเหล่าร้าย

เปิดโปง 5 กลโกงมิจฉาชีพออนไลน์สุดฮิต พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

ศูนย์ AOC 1441 (ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ได้ออกมาตีแผ่กลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ที่กำลังระบาดอย่างหนักในปัจจุบัน โดยโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล ได้เปิดเผย 5 กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 21 กรกฎาคม 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเสียหายที่ประชาชนต้องเผชิญ ทั้งจากการสูญเสียทรัพย์สินและความเชื่อมั่นในโลกออนไลน์

5 คดีกับ 5 กลโกงหลอกลวงรูปแบบต่างๆ ที่สร้างความเสียหายต่อเหยื่อ

คดีที่ 1: ตีสนิทก่อนข่มขู่รีดทรัพย์

: มิจฉาชีพสร้างโปรไฟล์ปลอมใน Facebook เพื่อเข้าถึงเหยื่อ สร้างความคุ้นเคยและหลอกล่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ก่อนจะใช้รูปภาพและคลิปส่วนตัวที่ได้มาข่มขู่รีดไถเงิน ไม่ต่างจากกรณีของเหยื่อรายหนึ่งที่สูญเงินไปถึง 1,000,000 บาท

คดีที่ 2: สินเชื่อปลอม โลโก้ปลอม หลอกลวงล้วนๆ

: มิจฉาชีพใช้แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Tiktok ในการโฆษณาปล่อยกู้เงิน โดยแอบอ้างใช้โลโก้ธนาคารที่น่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเพื่อปลดล็อกบัญชีปลอมที่มิจฉาชีพสร้างขึ้น ซึ่งทำให้เหยื่อสูญเสียเงินไป 224,601 บาท

คดีที่ 3: แอบอ้างเป็นคนใกล้ชิด สร้างเรื่องน่าสงสาร

: มูลค่าความเสียหาย 56,000 บาทมิจฉาชีพใช้ความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น ญาติพี่น้อง มาหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงิน โดยสร้างเรื่องราวต่างๆ นานา เช่น เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน และหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินไปตามจำนวนที่มันต้อการ

istock-1132761467

คดีที่ 4: งานสบาย รายได้ดี จริงหรือ?

: มูลค่าความเสียหาย 19,530 บาท มิจฉาชีพมักใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการโฆษณาชวนเชื่อว่ามีงานสบาย รายได้ดี โดยหลอกให้เหยื่อลงทุนในระบบเพื่อรับผลตอบแทนสูง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกได้ หรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนมาก

คดีที่ 5: สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ แต่กลับไม่ได้รับของ

: มูลค่าความเสียหาย 19,530 บาท  มิจฉาชีพหลอกขายสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์คอาทิ Facebook โดยมิจฉาชีพใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการขายสินค้า โดยรับเงินจากเหยื่อแล้วไม่ส่งสินค้า หรือส่งสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ 

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 1,403,119 บาท

istock-494712541

ศูนย์ AOC 1441 สรุปผลงานปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ พบสถิติสายโทรเข้าแจ้งเหตุพุ่งสูง
ศูนย์ AOC 1441 (ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ได้เผยสถิติผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง 19 กรกฎาคม 2567 โดยพบว่ามีสายโทรเข้าแจ้งเหตุถึง 858,463 สาย เฉลี่ยสูงถึง 3,277 สายต่อวัน สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนกำลังเผชิญ นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังสามารถระงับบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดได้ถึง 238,255 บัญชี เฉลี่ย 1,083 บัญชีต่อวัน โดย 5 อันดับคดีที่พบมากที่สุด ได้แก่

  • หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (71,423 บัญชี, 29.98%)

  • หลอกลวงหารายได้พิเศษ (56,749 บัญชี, 23.82%)

  • หลอกลวงลงทุน (40,416 บัญชี, 16.96%)

  • หลอกลวงให้กู้เงิน (18,451 บัญชี, 7.74%)

  • หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล (17,389 บัญชี, 7.30%)

นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลฯ ได้กล่าวเตือนประชาชนให้ระมัดระวังภัยออนไลน์ โดยเฉพาะการติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ควรตรวจสอบข้อมูลคู่สนทนาให้รอบคอบก่อนทำธุรกรรมใดๆ และหากมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามสายด่วน GCC 1111 หรือติดต่อธนาคารโดยตรง ทั้งนี้ หากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ สามารถโทรแจ้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อขอความช่วยเหลือในการระงับและอายัดบัญชีได้ทันที สุดท้ายนี้ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง หรือบุคคลที่ไม่รู้จักมาตีสนิททางออนไลน์ ควรตรวจสอบข้อมูลและแหล่งที่มาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ หากพบเห็นหรือตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ศูนย์ AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT