‘Issey Miyake’ เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ “ก้าวข้ามเพศ และไซส์” และให้ความสำคัญกับ “ดีไซน์” อย่างชัดเจน ผลงานอันโดดเด่นอย่างเช่น PLEAT PLEASE และ BAO BAO ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแฟชั่น ด้วยไอเทมที่จะมีรูปทรงเปลี่ยนแปลงไปตามผู้สวมใส่ สร้างเอกลักษณ์ให้กับผู้สวมใส่อย่างแท้จริง
การสูญเสียดีไซเนอร์ผู้ปูทางให้ดีไซเนอร์ญี่ปุ่นได้ไปเฉิดฉายบนเวทีโลกเป็นคนแรกๆ ในวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา จึงไม่ใช่แค่ความสูญเสียต่อวงการญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เป็นวงการแฟชั่นของทั้งโลก Spotlight รวบรวม 4 ที่สุดของ สุดยอดดีไซเนอร์สัญชาติญี่ปุ่น ‘Issey Miyake’ มาให้คุณได้รู้จัก และหลงรักชายผู้ล่วงลับคนนี้มากยิ่งขึ้น
1) ISSEY MIYAKE ผู้รอดชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ที่ ฮิโรชิมา
บ้านเกิดของ Issey Miyake หรือชื่อจริงคือ มิยาเกะ คาสึมารุ คือเมือง ‘ฮิโรชิมา’ เมืองที่ถูกเครื่องบินสหรัฐทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมื่อปี ค.ศ. 1945 ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตในขณะที่มีอายุได้ 7 ปีพร้อมกับคุณแม่ แต่น่าเศร้าที่คุณแม่ของเขาต้องจากไปในอีก 3 ปีให้หลังจากพิษของกัมมันภาพรังสี
Issey ได้เปิดเผยกับนิตยสาร New York Times ในปี 2009 ว่า เขาได้เปลี่ยนความหลังอันน่าเศร้ามาเป็นแรงบันดาลใจ เปลี่ยนจากการคิดถึงสิ่งที่ถูกทำลาย มาเป็นการคิดไอเดียเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ ซึ่งการเข้ามาในวงการแฟชั่นของเขา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะวงการนี้เป็นวงการแห่งความคิดสร้างสรรค์ ความทันสมัย และการมองโลกในแง่บวก นอกจากนี้ เขายังเคยเขียนบทความใน The New York Times ที่มีเนื้อหาต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย
2) ‘PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE ’ คอลเลคชันผ้าพลีทที่เป็นเอกลักษณ์
แบรนด์ Issey Miyake เติบโตมาจากความกล้าลองผิด ลองถูก เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการของ Issey โดยตัวเขาได้นำความเป็นญี่ปุ่นมาผสมผสานให้อยู่ในดีไซน์ของเขา อย่างเช่นดีไซน์แรกๆ ของเขานั้นได้นำการปักผ้าแบบญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า ‘ซาชิโกะ’ มาผสมผสานเข้ากับชุดในชีวิตประจำวันอย่างเสื้อยืด และกางเกงยีนส์
ลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดของ Issey คือไลน์เสื้อผ้า ‘PLEATS PLEASE’
ซึ่งเป็นการสร้างลายพลีทให้กับผ้า ด้วยวิธีกับการพับให้ความร้อนแบบพิเศษ ทำให้ได้ริ้วผ้าเล็กๆ และคงอยู่บนผ้าอย่างยาวนาน เมื่อเห็นแล้วทำให้นึกถึงการพับกระดาษอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอย่าง ‘โอริกามิ’ โดยเอกลักษณ์ของนวัตกรรมผ้าพลีทนี้ จะทำให้รูปทรงมีอิสระ และเปลี่ยนแปลงไปตามตัวผู้ใส่ได้ เป็นการก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องรูปร่าง และเรื่องเพศ และให้ความสำคัญกับดีไซน์อย่างแท้จริง
3) BAO BAO ISSEY MIYAKE กระเป๋าดีไซน์สุดล้ำ
อีกหนึ่งไอเทมที่ถือว่าเป็นที่สุดของแบรนด์ Issey Miyake ซึ่งแม้ไม่ได้ถูกออกแบบด้วยตัว Issey เอง แต่คงลายเซ็นต์ของแบรนด์ Issey Miyake ได้อย่างชัดเจน แรกเริ่มเดิมที กระเป๋าไลน์นี้มีชื่อว่า ‘Bilbao’ ซึ่งตั้งชื่อตามเมือง Bilbao ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ในสเปน ที่เป็นที่มาของแรงบันดาลใจให้กับลวดลาย ‘สามเหลี่ยมไขว้กันไปมา’ ที่อยู่บนกระเป๋าเหล่านี้ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น BAO BAO ที่เราคุ้นหูกันในปีพ.ศ. 2010
นอกจากลายอันเป็นอักลักษณ์แล้ว กระเป๋า BAO BAO ยังมีลักษณะพิเศษตรงที่ ไม่มีรูปทรงเมื่อตั้งไว้เฉยๆ แต่จะเกิดรูปทรง เมื่อผู้ใช้สะพายและใส่ของลงไป จะเกิดรูปร่างที่เปลี่ยนไปตามการใช้งานของแต่ละบุคคล ดีไซน์สุดล้ำนี้ เป็นการออกแบบของดีไซเนอร์ญี่ปุ่น Hikaru Matsumura ซึ่งอยู่ภายใต้แบรนด์ PLEATS PLEASE ISSEY MIYAKE และหลังจากที่กระเป๋าสุดล้ำนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากสาวกทั่วโลก ก็ได้แตกออกมาเป็นแบรนด์ BAO BAO ISSEY MIYAKE ในท้ายที่สุด
4) ISSEY MIYAKE ผู้ออกแบบเสื้อคอเต่าคู่ชีพของ Steve Jobs
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า หนึ่งในลุคการแต่งตัวที่โดดเด่นที่สุดในโลกอย่าง ‘เสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน’ ของสุดยอดนวัตกรชื่อก้องโลก ‘Steve Jobs’ นั้น เป็นดีไซน์ของ Issey Miyake โดยเสื้อคอเต่าสีดำตัวนี้มีที่มาจากการที่ Steve ได้ไปเห็นชุดพนักงานของบริษัทโซนี ที่ออกแบบโดย Issey แล้วเกิดความสนใจ จึงได้ติดต่อให้ Issey ออกแบบชุดให้พนักงานของแอปเปิลบ้าง แต่เมื่อนำไปเสนอผู้บริหาร ณ ขณะนั้น กลับโดยปฏิเสธกลับมา
Steve จึงขอให้ Issey ออกแบบ ‘เครื่องแบบ’ ให้กับตัวเขาเอง เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือกชุด แถมยังมีเอกลักษณ์ของตัวเองอีกด้วย ไอเดียที่ว่านี้ ก่อกำเนิดเป็นชุดที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดชุดหนึ่งของซีอีโอจากแวดวงเทคโนโลยี ซึ่ง Steve ชอบชุดนี้มาก และเคยบอกกับสื่อว่า ตัวเขาสั่งชุดนี้จำนวนมากพอที่จะใส่ได้ตลอดชีวิต
ด้วยความกล้าลุย กล้าลอง พร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากการเปลี่ยนประสบการณ์เลวร้ายเป็นพลังของ Issey Miyake ทำให้เขากลายเป็นดีไซเนอร์สัญชาติญี่ปุ่นคนแรกๆ ที่ได้ไปโลดแล่นในปารีส ต้นกำเนิดของวงการแฟชั่น และปั้นแบรนด์สู่ระดับโลก จนทำให้แบรนด์ Issey Miyake ยังคงครองใจแฟนๆ ทั่วโลก แบบไม่จำกัดเพศและวัยมาได้จนถึงทุกวันนี้