การเงิน

เมื่อไรหุ้นไทยจะผงาด ? วิเคราะห์แพ็กเกจเรียกความเชื่อมั่นฟื้นตลาดทุน

26 มิ.ย. 67
เมื่อไรหุ้นไทยจะผงาด ? วิเคราะห์แพ็กเกจเรียกความเชื่อมั่นฟื้นตลาดทุน

หลังการผนึกกำลังของ 3 หน่วยงานคือกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อประกาศแพ็กเกจฟื้นตลาดหุ้นไทย ผ่านการปรับเกณฑ์การลงทุนใน ThaiESG และ การเตรียมฟื้นกองทุนวายุภักษ์ กลับมาอีกครั้ง 

บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์นี้ก็ปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมจากต้นปี 2567 มาถึงปัจจุบัน หุ้นไทยติดลบไป 6.83% นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 111,193.77 ล้านบาท 

แถลงมาตรการฟื้นตลาดหุ้นไทย

SPOTLIGHT รวมมุมมองผู้เชี่ยวชาญในแวดวงตลาดทุนถึงแพ็กเกจฟื้นตลาดหุ้นไทยว่าจะสามารถดึงนักลงทุนไทย และ นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าลงทุนในหุ้นไทยได้อย่างที่ภาครัฐตั้งใจไว้หรือไม่ และอะไรกันแน่คืออุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนในบ้านเรา 

ชยนนท์ รักษ์กาญจนันท์ CEO Finomena Funds

คุณชยนนท์ รักกาญจนันท์ CEO, Finnomena Funds มองว่า มาตรการของที่ประกาศออกมาล่าสุดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะตั้งแต่รัฐบาลนายกฯเศรษฐา เข้ามามีความพยายามในการเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ทั้งการเดินสายพบปะ ชักชวนนักลงทุนจากทั่วโลก รวมถึงการประกาศนโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อฟื้นกำลังซื้อให้ประชาชนคนไทย แต่ในเมื่อนโยบายเหล่านั้นยังไม่ได้เห็นผลในทันที การประกาศแพ็กเกจฟื้นตลาดหุ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่อาจยังไม่เพียงพอ ดูจากเม็ดเงินการลงทุนใน ThaiESG เมื่อปี 2566 อยู่ที่ราว 6,000 ล้านบาท คาดว่าการปรับเงื่อนไขการถือครองให้สั้นลงจาก 8 ปีเหลือ 5 ปีและ เพิ่มวงเงินจาก 100,000 บาทเป็น 300,000 บาท อาจจะเพิ่มเม็ดเงินขึ้นอย่างต่ำ 3 เท่าหรือราว 18,000 ล้านบาท ซึ่งยังถือว่าน้อยหากเทียบกับปริมาณการขายของนักลงทุนต่างชาติ  

นอกจากนี้ภายในการลงทุน ThaiESG ไม่ได้มีแค้หุ้นเท่านั้นแม้ว่าครั้งนี้จะมีการขยายนโยบายการลงทุนให้ครอบคลุมด้านธรรมาภิบาลจากเดิมเน้นด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งจะทำให้ครอบคลุมจำนวนบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai เพิ่มขึ้น  จาก 128  บริษัท เป็นราว300 บริษัท ซึ่งทําให้ผู้จัดการกองทุนมีเครื่องไม้เครื่องมือมีหุ้นที่หยิบจับมากขึ้น แต่เชื่อว่า เงินอีกส่วนอาจจะไม่ได้ลงในหุ้นแต่จะไปลงทุนในตราสารหนี้คือพวกกรีนบอนด์ ที่อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุน ดังนั้นประโยชน์จากเม็ดเงินอาจจะเป็นกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในตราสารหนี้หรือเป็นกองทุนผสมเป็นส่วนใหญ่ไม่ได้ช่วยดันหุ้นไทยได้มากนัก

อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยจะฟื้นได้แค่ไหนต้องรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 /2567 ที่จะเริ่มรายงานในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคมหากยังออกมาแย่การที่หุ้นไทยจะกลับไปที่ 1,350 -1,400 จุดก็เป็นความท้าทายมากพอสมควร

ศรชัย สุเนต์ตา CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์

ขณะที่มุมมองของนายศรชัย สุเนต์ตา CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เผยว่า SCB CIO พร้อมสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการออมการลงทุน ด้วยการปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG  Fund : ThaiESG) และมองว่ามาตรการฟื้นความเชื่อมั่นหุ้นไทยจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น จากกลุ่มผู้ลงทุนที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และลงทุนเพื่อการออมระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ กลุ่มคนที่มีรายได้ประจำ รวมถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ต้องการสร้างวินัยในการออม เพื่อเป้าหมายในอนาคต โดยเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้

นอกจากนี้ การขยายนโยบายการลงทุนให้ครอบคลุมด้านธรรมาภิบาล (Governance) ส่งเสริมความโปร่งใส จากเดิมเน้นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ซึ่งจะทำให้ครอบคลุมจำนวนบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai เพิ่มขึ้น  จาก 128  บริษัท เป็น 200 บริษัทนั้น  SCB CIO มองว่า จะทำให้การลงทุนในหุ้นไทยผ่าน ThaiESG มีความครอบคลุมครบทุกมิติของ ESG  และมีความหลากหลายในการเลือกลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น  และสร้างความเชื่อมั่นที่ดีให้กับนักลงทุนเพราะเงื่อนไขการลงทุนของบริษัทต่างๆ จะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่ก.ล.ต. กำหนด

ขณะเดียวกันธนาคารไทยพาณิชย์ มี 6 กองทุนเตรียมพร้อมรองรับนักลงทุน โดยในแต่ละรูปแบบมี 2 ทางเลือก คือ แบบปันผล และสะสมมูลค่า ได้แก่ กองทุน SCBTM(ThaiESG) และ SCBTM(ThaiESGA) ที่ลงทุนแบบผสมหุ้นไทยและตราสารหนี้ ESG กองทุน SCBTA(ThaiESG) และ SCBTA(ThaiESGA) ที่ลงทุนหุ้นไทย ESG ด้วยกลยุทธ์บริหารเชิงรุก และกองทุน SCBTP(ThaiESG) และ SCBTP(ThaiESGA) ลงทุนหุ้นไทย ESG ที่ผลตอบแทนอิงตามดัชนี SET ESG เป็นทางเลือกการออมที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีให้กับผู้ลงทุน เพื่อตอบโจทย์ตามเป้าหมายความต้องการของลูกค้า  

ทั้งหมดนี้คือมุมมองของกูรูในแวดวงตลาดทุนไทย สุดท้ายแล้วมาตรการที่ออกมาจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับบริบทของเศรษฐกิจไทยเป็นแกนหลักสำคัญว่าแข็งแรงมากพอที่จะช่วยสร้างความมั่นใจและเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ เพราะการที่ต่างชาติขายสุทธิ นักลงทุนไทยเบนเข็มไปลงทุนต่างประเทศ อาจสะท้อนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่มีอะไรดีไปกว่าเดิม

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT