ความยั่งยืน

เอสซีจีรวมพลังชุมชนขับเคลื่อน InclusiveSociety ส่งต่อความยั่งยืนให้สังคม

26 มิ.ย. 67
เอสซีจีรวมพลังชุมชนขับเคลื่อน InclusiveSociety ส่งต่อความยั่งยืนให้สังคม

‘เอสซีจี’ ได้จัดงาน SCG “The Possibilities for Inclusive Society – เติบโตไปด้วยกัน...กับโลกที่ยั่งยืน” เพื่อเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมแลกเปลี่ยนและขับเคลื่อนสู่ Inclusive Society หรือสังคมที่เข้าถึงทุกคน เพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีและสิ่งแวดล้อมยั่งยืนให้คนรุ่นถัดไป

groupshot

โดยนายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี เผยว่า “ธุรกิจต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก สังคม และยุคสมัย เอสซีจีจึงยกระดับการขับเคลื่อนความยั่งยืนสู่ Inclusive Society ร่วมกับพนักงาน เครือข่าย พันธมิตร และชุมชน สร้างการเปลี่ยนแปลง แก้ไขปัญหาอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อมยั่งยืน และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นต่อไป โดยมุ่งผลักดันสังคมเติบโตไปด้วยกัน 4 ด้าน ได้แก่

ฟื้นน้ำ สร้างป่า ดำเนินงานมาเกือบ 20 ปี อาทิ โครงการ ‘รักษ์ภูผามหานที’ ถ่ายทอดแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนให้ชุมชนนำไปปฏิบัติอย่างเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำกิน น้ำใช้ น้ำทำเกษตรตลอดปี พร้อมจับมือกับชุมชนดูแลระบบนิเวศให้สมบูรณ์และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยตั้งเป้าหมายปลูก ฟื้นฟู อนุรักษ์ป่า 3 ล้านไร่ในปี 2593 ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 5 ล้านตันต่อปี 

พัฒนาอาชีพมั่นคง พัฒนาทักษะอาชีพ ให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อาทิ โครงการ ‘พลังชุมชน’ พัฒนาศักยภาพชุมชน แก้จนด้วยความรู้คู่คุณธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท้องถิ่นมีอัตลักษณ์และตอบโจทย์ตลาด จนถึงปัจจุบันสร้างอาชีพไปแล้ว 4,942 คน สร้างรายได้เพิ่มกว่า 4 - 5 เท่า เกิดเป็นเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง 24 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาอาชีพที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด อาทิ โครงการสุภาพบุรุษนักขับของ ‘โรงเรียนทักษะพิพัฒน์’ จัดหลักสูตรฝึกอบรมขับรถบรรทุกให้ผู้ว่างงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุกมืออาชีพ ‘แพลตฟอร์มคิวช่าง’ เปิดศูนย์ฝึกอบรมช่าง Q-CHANG ACADEMY เพื่อพัฒนาทักษะและยกระดับอาชีพช่างในด้านต่าง ๆ ครอบคลุมทักษะด้านความรู้ อารมณ์ การเข้าสังคม และธุรกิจ

ส่งเสริมสุขภาวะ สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุข อาทิ โครงการ ‘แพทย์ดิจิทัล ดูแลผู้ป่วยทางไกล’ ใช้นวัตกรรม DoCare ระบบ Tele-monitoring และ Telemedicine ของเอสซีจี ดูแลผู้ป่วยทางไกลด้วยระบบติดตามสุขภาพ เก็บข้อมูลอย่างแม่นยำและต่อเนื่อง พร้อมระบบปรึกษาแพทย์ทางไกล ทำให้ผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดเวลาการรอคอย ประหยัดค่าเดินทาง ปัจจุบัน ได้มีการขยายผลใช้กับโรงพยาบาลแล้ว 13 โรงพยาบาล 1 วิสาหกิจเพื่อสังคม ครอบคลุม 12 จังหวัดทั่วไทย พร้อมตั้งเป้าขยายอีก 10 โรงพยาบาล ใน 10 จังหวัด ภายในปี 2567

สนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการ ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์’ ความร่วมมือบูรณาการระหว่างรัฐ - เอกชน - ประชาชน หรือ PPP (Public - Private - People Partnership) เพื่อเปลี่ยนจังหวัดสระบุรีให้เป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย และเป็นแรงจูงใจให้จังหวัดอื่น ๆ เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2608

สำหรับความร่วมมือในสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ที่เกิดขึ้นแล้ว อาทิ การกำหนดใช้ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำในทุกงานก่อสร้างในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป การทำนาเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการใช้น้ำ ลดก๊าซมีเทน การปลูกหญ้าเนเปียร์พืชพลังงานสูง และนำของเหลือจากการเกษตรและขยะชุมชนไปแปรรูปเป็นพลังงานทดแทน รวมทั้งร่วมกับชุมชนในการสร้างป่าชุมชนต้นแบบของจังหวัดที่ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก และต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างรายได้ให้ชุมชน

ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว ยังมี 4 ตัวแทนผู้นำชุมชนที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมในด้านต่าง ๆ มาร่วมแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์เพื่อร่วมขับเคลื่อนสู่ Inclusive Society ได้แก่

mrswandee
นางวันดี อินทรพรม กำนันตำบลแกลง จังหวัดระยอง

นางวันดี อินทรพรม กำนันตำบลแกลง จังหวัดระยอง มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวของความแห้งแล้งของเขายายดา และความพยายามในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นป่าต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชุมชนมาบจันทร์ ด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำ ซึ่งใช้องค์ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมกับเอสซีจีซี จนทำให้ป่าเขายายดากลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง พื้นดินมีความชุ่มชื้น ไม่เกิดไฟป่าในฤดูแล้ง และกลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างด้านการจัดการน้ำระดับประเทศ

เรื่องราวความมุ่งมั่นของนางวันดีและชุมชนมาบจันทร์ในการเรียนรู้และร่วมมือกันบริหารจัดการน้ำเพื่อความอยู่รอดของชุมชนกำลังจะได้ถูกถ่ายทอดผ่านสารคดี ‘The Rain Keepers’ ซึ่งมีกำหนดฉายทางออนไลน์ผ่านช่อง VIPA ของไทยพีบีเอส ในเดือนกรกฎาคมนี้อีกด้วย

mrsumporn
นางอำพร วงค์ษา ประธานศูนย์หัตถกรรมบ้านงานฝีมือบ้านผาหนาม จังหวัดลำพูน

นางอำพร วงค์ษา ประธานศูนย์หัตถกรรมบ้านงานฝีมือบ้านผาหนาม จังหวัดลำพูน หนึ่งในสมาชิก ‘โครงการพลังชุมชน’ มาร่วมแบ่งปันแนวคิดในการพลิกวิกฤตชีวิตเป็นแรงผลักดันสร้างโอกาสให้กับตัวเอง พร้อมทั้งแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างอาชีพให้คนในชุมชนผ่านการถ่ายทอดความรู้ด้านงานหัตถกรรมให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ว่างงาน และผู้หญิงที่ขาดโอกาสในการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีการใช้องค์ความรู้ด้านการตลาดที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมกับเอสซีจี เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจนกลายเป็นการสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับคนในชุมชนอีกด้วย

mrsjittra
นางจิตรา ป้านวัน ประธานชุมชนวังขรีวิถียั่งยืน จังหวัดนครศรีธรรมราช

นางจิตรา ป้านวัน ประธานชุมชนวังขรีวิถียั่งยืน จังหวัดนครศรีธรรมราช มาร่วมบอกเล่าเรื่องราวของ ‘กลุ่มเยาวชนยิ้มแฉ่งให้ด้วยใจ’ ซึ่งก่อตั้งขึ้นแก้ปัญหาขยะภายในชุมชนผ่านการสร้างความร่วมมือระหว่างเยาวชนและผู้สูงวัย ซึ่งนอกจากจะทำให้ชุมชนสะอาดและน่าอยู่แล้ว ยังมีการขยายการทำกิจกรรมไปสู่การคัดแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล และการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน หรือ RDF (Refuse Derived Fuel) เพื่อมุ่งสู่การเป็นชุมชนคาร์บอนต่ำอีกด้วย

missnilobol
นางนิโลบล ลิจุติภูมิ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี

ด้านนางนิโลบล ลิจุติภูมิ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการขับเคลื่อนให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ดีแม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการใช้เทคโนโลยีแพทย์ดิจิทัลจากโครงการ ‘แพทย์ดิจิทัล ดูแลผู้ป่วยทางไกล’ ในการดูแลผู้ป่วยสีเขียวและสีเหลือง อาทิ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีอาการไม่มากหรือไม่มีอาการ เพื่อลดเวลาการรอคอยในโรงพยาบาล ผู้ป่วยจึงไม่ต้องเสียโอกาสในการประกอบอาชีพและได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเปิดตัวหนังสือ ‘เหตุผลที่เรามารวมกัน’ ซึ่งเป็นการรวบรวมเรื่องราวการขับเคลื่อนความยั่งยืนของเอสซีจีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด E-book ‘เหตุผลที่เรามารวมกัน’ ได้ที่นี่ (คลิก) 

512019

นายชนะ ภูมี กล่าวทิ้งท้ายว่า “โครงการต่าง ๆ ที่นำเสนอภายในงานนี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกันที่เอสซีจีร่วมมือกับพนักงาน เครือข่าย พันธมิตร และชุมชน มุ่งมั่นมาตลอดการดำเนินธุรกิจกว่า 111 ปี โดยเอสซีจียังคงเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งด้านการศึกษา อาชีพ และสุขภาวะ 50,000 คน ภายในปี 2573  อย่างไรก็ตาม เส้นทาง ‘การพัฒนา’ ไม่มีวันสิ้นสุด เราต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่เสมอ เพื่อร่วมกันสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน สังคมที่น่าอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT