ความยั่งยืน

ปลดปล่อยพลังชุมชนสู่ความยั่งยืน ทางออกการแก้ปัญหาความยากจนในไทย

13 ก.ย. 67
ปลดปล่อยพลังชุมชนสู่ความยั่งยืน ทางออกการแก้ปัญหาความยากจนในไทย

ตัวเลขความยากจนที่ลดลง อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ซ่อนความจริงอันน่ากังวลไว้เบื้องหลัง เสียงสะท้อนจาก ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล ชี้ให้เห็นถึงความไม่ยั่งยืนของนโยบายแก้จนที่ผ่านมา และชวนให้เราตั้งคำถามถึงเส้นทางที่แท้จริงสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจปัญหาเชิงโครงสร้างของความยากจนและความเหลื่อมล้ำ พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนด้วยการ "ปลดปล่อยพลังของชุมชน"

ปลดปล่อยพลังชุมชนสู่ความยั่งยืน ทางออกการแก้ปัญหาความยากจนในไทย

ปลดปล่อยพลังชุมชนสู่ความยั่งยืน ทางออกการแก้ปัญหาความยากจนในไทย

ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวถึงงานวิจัยที่เขาทำเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย พบว่าตัวเลขความยากจนที่ลดลงตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างนั้นเป็นผลมาจากการแจกเงินช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้เกิดจากการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

  • แม้รัฐบาลจะอ้างว่าจำนวนครัวเรือนยากจนลดลงจาก 4 ล้านครัวเรือน เหลือประมาณ 1 ล้านครัวเรือนในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่เมื่อหักเงินช่วยเหลือออกไปแล้ว จำนวนครัวเรือนยากจนแทบไม่ลดลงเลย
  • รัฐบาลมักบอกว่าปัญหาความยากจนหมดไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะรัฐบาลแจกเงินให้ประชาชนใช้จ่าย จนทำให้พวกเขาดูเหมือนหลุดพ้นจากเส้นความยากจน
  • เงินช่วยเหลือนี้เริ่มต้นตั้งแต่ประมาณปี 2550 และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้ครัวเรือน
  • คนที่จนที่สุดประมาณ 60% ของรายได้ต่อเดือนมาจากเงินช่วยเหลือของรัฐบาล
  • ครัวเรือนที่ดูเหมือนดีขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจนจำนวนกว่า 3 ล้านครัวเรือน ส่วนใหญ่ (64%) มีหัวหน้าครัวเรือนเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือต่อไป
  • ความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยไม่ได้ลดลงเลย แม้รัฐบาลจะใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อแก้ปัญหานี้
  • รัฐบาลใช้เงินประมาณ 8 แสนล้านบาทต่อปีเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และหากรวมยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ ด้วย งบประมาณจะเกิน 1 ล้านล้านบาทต่อปี
  • แม้จะใช้เงินจำนวนมาก แต่ความเหลื่อมล้ำและความยากจนที่แท้จริงกลับไม่ลดลง

นอกจากนี้ ดร. กอบศักดิ์ ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเส้นความยากจน โดยมีใจความหลักว่า การแก้ปัญหาความยากจนไม่สามารถทำได้ด้วยการแจกเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการ "ปลดปล่อยพลังของชุมชน" หลักการสำคัญคือการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ เช่นเดียวกับการเลี้ยงลูก หากลูกสามารถดูแลตัวเองได้ พ่อแม่ก็จะเบาใจลง เราต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนสามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากภายนอก

ปลดปล่อยพลังชุมชนสู่ความยั่งยืน ทางออกการแก้ปัญหาความยากจนในไทย

ตัวอย่างความสำเร็จ

  • ตลาดน้ำคลองลัดมะยม: เริ่มต้นจากความมุ่งมั่นของชาวบ้านคนเดียวที่ต้องการพัฒนาชุมชน เปลี่ยนพื้นที่ที่เคยมีแต่ขยะให้กลายเป็นตลาดน้ำที่สร้างรายได้ให้คนในชุมชนจำนวนมาก
  • ออมวันละบาท: ชุมชนดงขี้เหล็กแสดงให้เห็นว่า แม้การออมเพียงเล็กน้อยวันละบาท แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ พวกเขาสามารถปลดหนี้ มีเงินทุนสำรอง และยังสามารถจัดสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือคนในชุมชนได้
  • โครงการบ้านมั่นคง: ชุมชนบ่อนไก่ร่วมมือกันสร้างบ้านราคาประหยัด โดยที่กรรมสิทธิ์บ้านเป็นของชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีที่อยู่อาศัยมั่นคงและส่งเสริมความเป็นเจ้าของร่วมกัน
  • การอนุรักษ์ป่าชุมชน: ชาวบ้านกาฬสินธุ์ร่วมกันดูแลรักษาป่า สร้างรายได้จากการเก็บเห็ด และยังเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
  • ธนาคารปูม้า: ชุมชนแหลมผักเบี้ยจัดตั้งธนาคารปูม้า เพิ่มจำนวนปูในธรรมชาติ สร้างรายได้ให้ชุมชน และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล
  • ธนาคารต้นไม้: ชาวบ้านปลูกต้นยางนา ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว เปรียบเสมือนเงินออมสำหรับอนาคต

ปลดปล่อยพลังชุมชนสู่ความยั่งยืน ทางออกการแก้ปัญหาความยากจนในไทย

กุญแจสู่ความสำเร็จ

  • การสร้างผู้นำและเครือข่าย: โครงการมิยาซาวะ และผู้นำชุมชนท่านอื่นๆ เป็นตัวอย่างของการสร้างผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
  • การส่งเสริมโครงการชุมชน: โครงการต่างๆ เช่น การออม, บ้านมั่นคง, ธนาคารต้นไม้ เป็นต้น ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน แต่ยังช่วยฝึกฝนทักษะความเป็นผู้นำอีกด้วย
  • การช่วยเหลือชุมชน 3 ขั้นตอน: 1. ลุกขึ้นยืน: ช่วยชุมชนปลดหนี้นอกระบบและสร้างความมั่นคงทางการเงิน 2. เข้มแข็ง: พัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนในชุมชน 3. เชื่อมโยงชุมชนกับตลาด สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
  • ความร่วมมือจากภาคเอกชน: การสนับสนุนจากภาคเอกชน เช่น โครงการของโออาร์ที่ช่วยแปรรูปสินค้าชุมชน ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
  • การสร้างศูนย์เด็กเล็ก: การลงทุนเพียงเล็กน้อยในการสร้างศูนย์เด็กเล็กสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับเด็กๆ และอนาคตของชุมชน
  • การขยายผลโครงการ: หลีกเลี่ยงโครงการนำร่องที่ไม่ยั่งยืน มุ่งเน้นการสร้างผู้นำและขยายผลโครงการให้ครอบคลุมทั่วถึง
  • การปฏิรูประบบสวัสดิการ: ปรับปรุงระบบสวัสดิการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ และส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้

การแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การปลดปล่อยพลังของชุมชน ด้วยการส่งเสริมให้ชุมชนพึ่งพาตนเอง สร้างผู้นำ สนับสนุนโครงการต่างๆ และเชื่อมโยงชุมชนกับตลาด คือหนทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง การแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และที่สำคัญที่สุดคือคนในชุมชนเอง เราต้องร่วมมือกันสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาส มีความมั่นคง และสามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT