SoftBank บริษัทด้านโทรคมนาคมของญี่ปุ่นประกาศลงทุนเงิน 1.5 แสนล้านเยน หรือราว 3.6 หมื่นล้านบาทภายในปี 2026 เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานคอมพิวเตอร์สำหรับการสร้าง Generative AI ภาษาญี่ปุ่น หวังขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI โลก หลัง OpenAI รุกเปิดสำนักงานแรกในญี่ปุ่นพร้อมเปิดตัว GPT-4 ภาษาญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 เม.ย.
หลังลงทุนสร้างเสร็จ SoftBank จะกลายเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลนีและศักยภาพในการการพัฒนา AI เป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น โดย SoftBank มีแผนที่จะซื้อชิปประมวลผลจาก Nvidia มาใช้เพื่อพัฒนา Generative AI ของตัวเองรวมไปถึงปล่อยให้บริษัทอื่นๆ ที่สนใจมาเช่าไปใช้เพื่อพัฒนา AI ของตัวเอง
ก่อนหน้าจะประกาศลงทุนในครั้งนี้ ในปี 2023 SoftBank ได้ประกาศลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้าง AI แล้วเป็นเงินจำนวน 2 หมื่นล้านเยน หรือราว 4.8 พันล้านบาท โดยปัจจุบันกำลังสร้างศูนย์ข้อมูลทั่วประเทศ และได้ลงทุนเงินถึง 6.5 หมื่นล้านเยนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลในฮอกไกโด
SoftBank กล่าวว่าทางบริษัทหวังจะพัฒนา Generative AI ตัวนี้ให้มีความสามารถเท่าเทียมกับ AI ชื่อดังอื่นๆ ที่มีอยู่ในโลก เช่น ChatGPT หรือ Dall-E แต่จะเป็น AI ที่เทรนด้วยโมเดลภาษาญี่ปุ่น เพื่อเจาะตลาดผู้ใช้ภายในประเทศ
ในปัจจุบัน SoftBank กำลังพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM เพื่อใช้เป็นฐานสำหรับ Generative AI อยู่ โดยบริษัทหวังจะพัฒนาให้โมเดลภาษาดังกล่าวให้มีพารามีเตอร์ 3.9 แสนล้านตัวภายในปี 2024 และพัฒนาให้มีพารามีเตอร์ 1 ล้านล้านตัวภายในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นจำนวนพารามีเตอร์มาตรฐานสำหรับ AI ระดับโลกต่างๆ เช่น GPT-4 ที่มีผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามีจำนวนพารามีเตอร์มากกว่า 1 ล้านล้านตัวแล้ว
จากการคาดการณ์ของ Statista อุตสาหกรรมพัฒนา AI ของญี่ปุ่นกำลังขยายตัว และถูกนำไปใส่ในสินค้าและบริการอื่นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีมูลค่าถึง 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.8 แสนล้านบาทภายในปี 2030 มากกว่ามูลค่าตลาดปัจจุบันประมาณ 17 เท่า
ปัจจุบัน ประเทศที่มีนวัตกรรมและวิทยาการด้าน AI ที่ล้ำหน้ามากที่สุดก็คือ สหรัฐฯ นำโดยบริษัทใหญ่ๆ อย่าง OpenAI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft และ Nvidia ที่เป็นบริษัทผลิตชิปประมวลผลสำหรับการฝึก AI ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่อุตสาหกรรม AI ของญี่ปุ่นก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากการเข้ามาของบริษัทอย่าง NTT และ NEC ที่สามารถพัฒนาโมเดลภาษาให้มีพารามีเตอร์เป็นจำนวนหลายพันล้านไปจนถึงหมื่นหรือแสนล้านได้แล้ว
โดยนอกจาก SoftBank แล้ว NTT ก็ได้ประกาศแผนที่จะลงทุนในการพัฒนา LLM เช่นเดียวกัน โดนจะลงทุนเงินประมาณ 8 ล้นล้านเยนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลและ AI ภายในเวลาอีก 5 ปีข้างหน้า
การขยายธุรกิจ AI ของบริษัทญี่ปุ่นในปัจจุบันเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่บริษัทพัฒนา AI ต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนในญี่ปุ่นเพื่อขยายตลาด เพราะเห็นว่า AI เป็นที่ต้องการ และมีศักยภาพในการทำรายได้ได้มากในสังคมญี่ปุ่นที่คุ้นชินกับการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
ในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา OpenAI ได้เข้ามาตั้งสาขาเอเชียแห่งแรกในกรุงโตเกียว เนื่องจากเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงมานานด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และการปรับใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวัน โดยมาพร้อมกับ GPT-4 ในภาษาญี่ปุ่นที่ถูกปรับมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และมีความสามารถทั้งด้านการแปลและสรุปข้อความภาษาญี่ปุ่น ปัจจุบัน บริษัทใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น อย่าง Daikin และ Toyota ก็ได้มีการนำ ChatGPT มาใช้ทำงานอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ยังประกาศว่าจะลงทุนเงินถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน Cloud Computing และ AI ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการลงทุนในญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 46 ปี
ดังนั้น ในปัจจุบัน บริษัท AI ทั้งภายในและนอกประเทศของญี่ปุ่นต่างก็กำลังเร่งพัฒนา AI เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด และดึงใจลูกค้ากันอย่างเต็มที่ ซึ่งในอนาคตใครจะขึ้นมาเป็นผู้ชนะก็ต้องมาติดตามกันต่อไป
อ้างอิง: CNBC, Nikkei Asia