ธุรกิจการตลาด

อีลอน มัสก์ เตรียมปฏิรูปรัฐบาลภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไร?

7 พ.ย. 67
อีลอน มัสก์ เตรียมปฏิรูปรัฐบาลภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไร?

“ดาวดวงใหม่ได้ถือกำเนิดแล้ว : อีลอน” โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวด้วยความชื่นชมระหว่างการประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของเขา เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา เพื่อเป็นการยกย่องบุคคลที่บริจาคเงินรายใหญ่ที่สุดของเขา โดยกล่าวว่า มัสก์เป็น ‘อัจฉริยะขั้นสูงสุด’ ที่ทุกคนควรปกป้อง

‘อีลอน มัสก์’ เตรียมปฏิรูปรัฐบาลภายใต้การนำของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ อย่างไรบ้าง?

ชัยชนะของทรัมป์ในครั้งนี้ เป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับ ‘อีลอน มัสก์’ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกที่มีทรัพย์สินมูลค่า 260,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 8.94 ล้านล้านบาท และการทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง

ในฐานะ ‘นักเผด็จการแห่งเสรีภาพในการพูด’ (ตามที่มัสก์กล่าวถึงตนเอง) เขาเคยลงคะแนนเสียงให้กับ ‘โจ ไบเดน’ ‘ฮิลลารี คลินตัน’ และ ‘บารัค โอบามา’ แต่ได้เปลี่ยนจุดยืนไปสนับสนุนฝ่ายขวาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเห็นด้วยกับแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ในประเด็นต่างๆ เช่น การย้ายถิ่นฐาน ความไม่ชอบสื่อกระแสหลัก และการเมืองแบบ ‘ตื่นรู้’

มัสก์แสดงจุดยืนสนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทรัมป์รอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม และต่อมา ได้จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการทางการเมืองที่มีชื่อว่า ‘America PAC’ ซึ่งเสนอเงินรางวัลวันละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 34.37 ล้านบาท ให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐสวิงสเตทที่ลงนามในคำมั่นสัญญาทางการเมือง

ส่วนแพลตฟอร์ม X ผลักดันแฮชแท็ก ‘#VotedforTrump’ ในวันเลือกตั้ง และพบการใช้งานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในคืนวันเลือกตั้งด้วย โดย Financial Times รายงานว่า มัสก์ได้รีทวิตมากถึง 200 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมงของวันเลือกตั้ง ซึ่งมียอดการรับชมรวมกว่า 955 ล้านวิว

การเดิมพันของมัสก์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ดุเดือดนั้น ได้ให้ผลตอบแทนอันสูง เพราะเขากำลังจะกลายเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองและธุรกิจของทรัมป์ ซึ่งมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง รวมถึงทำให้มูลค่าหุ้น Tesla พุ่งขึ้นเกือบ 15% ในช่วงเที่ยงวันของวันพุธที่ผ่านมา

โดยบทบาทที่มัสก์รับปากไว้ คือ การดำรงตำแหน่ง ‘หัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล’ (DOGE) ซึ่งจะทำให้มหาเศรษฐีรายนี้ มีอำนาจกว้างขวางในการเสนอแนะการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในสิ่งที่เขาเห็นว่า เป็นปัจจัยที่คอย ‘ฉุดรั้ง’ อเมริกาไว้อย่างหนัก

แม้ในอดีต ทรัมป์มีท่าทีต่อต้านรถยนต์ไฟฟ้า และไม่เชื่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่การสนับสนุนของมัสก์ในครั้งนี้ ทำให้หลายคนคาดการณ์ว่า อาจเกิดการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างบุคคลสำคัญทั้งสองคน ก่อนที่ทรัมป์จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปี 

ทั้งนี้ แม้แผนการของมัสก์ในฐานะที่ปรึกษาทางการเมือง จะกลายเป็นความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งหรือไม่ก็ตาม แต่นี่อาจเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญที่สุดของนักธุรกิจ ที่เข้ามาช่วยกำหนดนโยบาย และระเบียบข้อบังคับที่ควบคุมธุรกิจของเขา 

ตัดคนออก เพื่อลดรายจ่ายภาครัฐ

มัสก์ กล่าวว่า เขาจะลดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐบาลทั้งหมด เช่น การตั้งคำถามถึงข้อกำหนดทั้งหมด การเปลี่ยนกระบวนการขั้นตอนทั้งหมด และการทำเวิร์กโฟลว์แบบระบบอัตโนมัติ รวมถึงหน้าที่หลักที่เขาได้มอบหมาย นั่นก็คือ การตรวจสอบการเงินและประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลกลางทั้งหมด และเสนอแนะแนวทางการปฏิรูปครั้งใหญ่

“หลายหน่วยงานมีหน้าที่รับผิดชอบที่ซ้ำซ้อนมากมาย โดยหน่วยงานหลายแห่ง มีพอร์ตโฟลิโอที่ทับซ้อนกัน มีคนจำนวนมากที่ทำงานให้กับรัฐบาล ซึ่งเราเพียงแค่ต้องโอนย้ายพวกเขาไปรับบทบาทที่มีประสิทธิผลมากขึ้นในภาคเอกชน” มัสก์ กล่าว

มัสก์ตั้งข้อสังเกตว่า การลดจำนวนพนักงานจะดำเนินการอย่างมี ‘มนุษยธรรม’ และเสนอแนวคิดในการจ่ายเงินให้พนักงานของรัฐเป็นเวลาสองปี ในขณะที่พวกเขามองหางานใหม่ เขายังครุ่นคิดถึงการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของข้าราชการอีกด้วย 

แต่การลดพนักงานของมัสก์ ก็ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป เช่น แพลตฟอร์ม ‘X’ ที่มัสก์ได้เลิกจ้างพนักงานประมาณ 80% ของบริษัท ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีข้อบกพร่อง ไม่เสถียร และเกิดความล้มเหลวทางเทคโนโลยีครั้งร้ายแรงของเขาเมื่อสัมภาษณ์ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส ในปี 2023 และทรัมป์ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ มัสก์ยังได้ยุบทีมความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ X ส่งผลให้มีการใช้ถ้อยคำที่แสดงความเกลียดชัง และข้อมูลที่ผิดพลาดมากขึ้น และทำให้ผู้ลงโฆษณาจำนวนมากออกจากแพลตฟอร์ม

‘มาตรการ EV’ จะส่งผลต่อ Tesla อย่างไร?

ธุรกิจของมัสก์ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลหลายชุด อย่างล่าสุด ‘Tesla’ ได้รับประโยชน์จากกฎหมายลดเงินเฟ้อของรัฐบาลไบเดน ซึ่งให้เงินอุดหนุนหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงเครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้ซื้อ ส่งผลให้ Tesla มีรายได้มากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรีอประมาณ 68,740 ล้านบาทในปีนี้ 

แม้ที่ผ่านมา ทรัมป์เคยพูดถึงการยกเลิกสิ่งที่เขาเรียกว่า ‘มาตรการ EV’ ที่แม้จะไม่มีอยู่จริงก็ตาม แต่ในตอนนี้ เขามีแนวโน้มที่จะยกเลิกนโยบายของไบเดนที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในหลายประการ หากทรัมป์ตัดสินใจลดการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าจริง การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลดีต่อ Tesla เนื่องจากคู่แข่งหลายรายของ Tesla ยังคงพยายามตามให้ทันสนามแข่งนี้

Dan Ives นักวิเคราะห์ของ Wedbush กล่าวว่า "Tesla มีขนาดและขอบเขตที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม EV และพลวัตนี้ อาจทำให้มัสก์ และ Tesla ได้เปรียบคู่แข่งอย่างชัดเจนในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการอุดหนุน"

ในช่วงการหาเสียง ทรัมป์ระบุว่า มัสก์มีอิทธิพลต่อทัศนคติของเขา ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป หลังจากมัสก์สนับสนุนการเสนอตัวเลือกตั้งอีกครั้งของเขา ในเดือนสิงหาคม ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า" โดยให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดจากการสนับสนุนอย่างแข็งขันของมัสก์

เร่งภารกิจของ SpaceX ไปดาวอังคาร

ส่วน ‘SpaceX’ บริษัทการบินอวกาศเอกชนของมัสก์ จะได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาลทรัมป์เช่นกัน ในช่วงดำรงตำแหน่งแรก ทรัมป์ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายอวกาศของอเมริกาหลายประการ รวมถึง การจัดตั้งกองกำลังอวกาศของสหรัฐฯ และจัดตั้งสภาอวกาศแห่งชาติขึ้นใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ ต่อลำดับความสำคัญด้านอวกาศของอเมริกา โดยเฉพาะโครงการเรือธง ‘Artemis’ ในการส่งมนุษย์กลับไปยังดวงจันทร์

นโยบายของพรรครีพับลิกันในปี 2024 มีข้อความที่ชัดเจนขึ้น ว่า ‘อวกาศ’ เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่สำคัญ และอเมริกาควรมีบทบาทนำด้วย โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่า สหรัฐฯ จะส่งนักบินอวกาศกลับไปยังดวงจันทร์ และเดินทางต่อไปยังดาวอังคาร 

โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับการสำรวจอวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม เขาสนับสนุนภารกิจที่มีมนุษย์ร่วมเดินทางของ SpaceX ไปยังดาวอังคาร โดยกล่าวว่า "เราจะส่งนักบินอวกาศชาวอเมริกันไปลงจอดบนดาวอังคาร ขอบคุณ อีลอน รีบไปกันเถอะ อีลอน" ส่วนในสุนทรพจน์อีกบทหนึ่ง เขาแสดงความปรารถนาที่จะไปถึงดาวอังคารก่อนสิ้นวาระ

โอกาสต่อไป สำหรับภารกิจไปยังดาวอังคาร คือ ในปี 2026 ซึ่งหมายความว่า ภารกิจการบินแบบไร้มนุษย์อวกาศอาจเกิดขึ้นก่อนที่ทรัมป์จะสิ้นสุดวาระที่สอง เมื่อพิจารณาจากเวลาที่มัสก์และทรัมป์ใช้ร่วมกันในช่วงหาเสียง อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ไทม์ไลน์ล่าสุดของมัสก์สำหรับแผนดาวอังคารของ SpaceX สอดคล้องกับเรื่องนี้ 

มัสก์ โพสต์ใน X ว่า “ยานอวกาศลำแรกที่จะเดินทางไปยังดาวอังคารจะปล่อยตัวในอีกสองปี และหากการลงจอดเหล่านั้นประสบความสำเร็จ เที่ยวบินที่มีมนุษย์อวกาศเที่ยวแรกไปยังดาวอังคารจะเกิดขึ้นในอีกสี่ปี”

การบรรลุตามไทม์ไลน์ดังกล่าว อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายในสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ซึ่งควบคุมการปล่อยยานอวกาศเชิงพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมัสก์มองว่า สำนักงานไม่มีความสามารถในการตามทันนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ทำให้ความล่าช้าที่ ‘ไม่จำเป็น’ ของสำนักงานฯ อาจเป็นเป้าหมายหลักของแผนกประสิทธิภาพของรัฐบาลที่มัสก์เสนอด้วย

X และ xAI

ในส่วนของ ‘X’ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของมัสก์ และ ‘xAI’ บริษัท AI ที่กำลังเติบโตของเขา ผลกระทบจากชัยชนะของทรัมป์ยังคงไม่ชัดเจนนัก แม้มัสก์จะเริ่มคาดเดาถึงผลกระทบระลอกคลื่นที่อาจเกิดขึ้นแล้วก็ตาม 

นับตั้งแต่มัสก์เข้าซื้อกิจการ มีนักโฆษณามากกว่า 200 รายที่หยุดโฆษณาบน X ซึ่งรวมถึง Apple, Disney, IBM, Paramount, และ Sony มัสก์คิดว่า ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ล่าสุด ผลสำรวจระดับโลก จัดทำโดยบริษัทวิจัยตลาด Kantar พบว่า นักการตลาด 26% วางแผนที่จะลดการใช้จ่ายสำหรับ X ในปี 2025 เนื่องจากกังวลว่า เนื้อหาสุดโต่งบนแพลตฟอร์มอาจสร้างความเสียหายให้กับแบรนด์ของพวกเขา แต่มัสก์กลับคิดว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ X คงได้เห็นการคว่ำบาตรส่วนใหญ่ลดลง

นอกจากนี้ X ยังตกเป็นเป้าหมายการสอบสวนของรัฐบาลกลางหลายครั้ง รวมถึงจากคณะกรรมการการค้าแห่งสหพันธรัฐ ซึ่งได้สอบสวนแนวทางการรักษาความเป็นส่วนตัวของแพลตฟอร์ม และประธาน FTC ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย ภายใต้การบริหารของมัสก์ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายเดือนตุลาคม มัสก์กล่าวว่า "เธอจะถูกไล่ออกเร็วๆ นี้"

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มัสก์ได้เผชิญหน้ากับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อปีที่ผ่านมา สำนักงานได้ฟ้องมัสก์ และพยายามเรียกตัวเขามาสอบสวนเกี่ยวกับการซื้อหุ้นของ Twitter และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของเขาในบริษัท ทำให้มัสก์เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสำนักงานครั้งใหญ่

ในขณะเดียวกัน xAI อาจได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลทรัมป์ไม่มีการควบคุมดูแลด้าน AI ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า พวกเขาคาดว่า ทรัมป์จะมีแนวทางการควบคุมดูแลที่ไม่เข้มงวด โดยอาศัยกฎหมายที่มีอยู่แล้วแทนที่จะออกกฎหมายใหม่ใดๆ 

มาตรการกีดกันสินค้าจีนของทรัมป์

อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของทรัมป์อาจไม่ใช่ข่าวดีสำหรับมัสก์เสมอไป เนื่องจากทรัมป์เสนอให้เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งน่าจะทำให้ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของมัสก์ โดยเฉพาะ ‘Tesla’

แดน ไอฟส์ กรรมการผู้จัดการของ Wedbush Securities กล่าวว่า “จากที่เราได้เห็นด้วยตัวเองในรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก การที่จีนมีแรงกดดันไม่ใช่ผลดีต่อ Tesla เนื่องจากเราคาดการณ์ว่า การส่งมอบมากกว่า 40% ของ Tesla มาจากภูมิภาคสำคัญนี้ โดยมีการผลิตที่แข็งแกร่งจากกิกะเซี่ยงไฮ้” 

ไม่เพียงเท่านี้ แมตต์ มิทเทลสเตดท์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสัน เชื่อว่า นโยบายการค้าอาจส่งผลกระทบมากที่สุดต่อ AI โดยทรัมป์เสนอให้จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด 10% และจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 60% ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคส่วน AI

ที่มา TechCrunch, Nikkei Asia, Financial Times, New York Times, CNN

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT