บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเงินดิจิทัลเผย แฮกเกอร์เกาหลีเหนือขโมยเงินคริปโตเคอร์เรนซีไปกว่า 1.34 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2024
สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานว่า Chainalysis สตาร์ตอัพในสาย Blockchain Analytics ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการขโมยเงินคริปโตเคอร์เรนซีของแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าพวกเขาขโมยเงินดิจิทัลไปถึง 47 ครั้ง ภายในปี 2024 รวมเป็นมูลค่าสูงถึง 1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 46.3 พันล้านบาท นับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 660.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 22.84 พันล้านบาท ซึ่งเกิดจากการโจรกรรมเงินดิจิทัลราว 20 ครั้ง
Chainalysis เปิดเผยว่าแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ ขึ้นชื่อในด้านการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่ซับซ้อนและต่อเนื่อง โดยมักใช้มัลแวร์ขั้นสูง วิศวกรรมสังคม (คล้ายกับวิธีการของมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์) และการขโมยสกุลเงินดิจิทัล เพื่อระดมทุนให้กับรัฐบาล เพื่อเป็นทางออกให้กับประเทศเมื่อโดนคว่ำบาตรจากสหรัฐฯและนานาชาติ
ด้านหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มองว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ขโมยมาเพื่อระดมทุนสำหรับโครงการอาวุธทำลายล้างสูงและขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ
สถิติการขโมยเงินดิจิทัลของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว แม้ว่ารัฐบาลเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะพยายามยับยั้งและป้องกันกิจกรรมทางไซเบอร์ของบรรดาแฮกเกอร์แล้วก็ตาม
เกาหลีเหนือ แฮกเกอร์คริปโตฯ มือหนึ่งของโลก
หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือนับเป็นประเทศที่โจรกรรมเงินดิจิทัลมากที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีสถิติขโมยเงินคริปโตเคอร์เรนซีมากถึง 2 ใน 3 จากมูลค่าจากโจรกรรมทั้งหมด นอกจากนี้ ยังขึ้นชื่อว่าเป็น “โจรปล้นธนาคารชั้นนำของโลก” ซึ่งสหรัฐฯ อ้างว่าเกาหลีเหนือได้พัฒนาทีมแฮกเกอร์มาหลายปี เพื่อมุ่งเป้าปล้นเงินจากธนาคารและสถาบันการเงินของฝั่งตะวันตก
ด้านผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติที่ติดตามการดำเนินการคว่ำบาตรระหว่างประเทศได้ระบุว่า เกาหลีเหนือใช้เงินที่ได้รับจากการปฏิบัติการทางไซเบอร์เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ที่ผิดกฎหมาย สอดคล้องกับหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่วิเคราะห์ว่า เงินที่ใช้สำหรับพัฒนาโครงการขีปนาวุธของเกาหนีเหนืออย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ มาจากเงินโจรกรรมทางไซเบอร์
แอนดรูว์ ไฟเออร์แมน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงแห่งชาติของ Chainalysis กล่าวว่าในอดีต เกาหลีเหนือใช้เทคนิคต่าง ๆ มากมายในการระดมทุนให้ประเทศ ทั้งใช้กลยุทธ์ลักลอบขนส่งสินค้า การส่งแรงงานไปต่างประเทศ และเปิดบริษัทปลอมเพื่อฟอกเงินหรือหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งในปัจจุบัน เกาหลีเหนือใช้การขโมยสกุลเงินดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการหาเงินให้รัญบาล
กรณีเงินปล้นสุดอื้อฉาว: ผลงานเอกของแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ
การโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในปี 2024 เกิดขึ้นกับบริษัทซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล DMM Bitcoin ของญี่ปุ่น โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ เงินบิตคอยน์จำนวน 4,500 เหรียญ มูลค่ากว่า 305 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกขโมยไปจากวงเงินฝากของลูกค้า ซึ่งหลายยฝ่ายเชื่อว่าเป็นฝีมือของแก๊งแฮกเกอร์ของเกาหลีเหนือ
นอกจากการโขมยเงินคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว ชาวเกาหลีเหนือได้ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์อื่น ๆ เพื่อสูบเงินจากตะวันตกเข้าประเทศด้วย โดยมีกรณีที่ศาลรัฐบาลกลางในเมืองเซนต์หลุยส์ ของสหรัฐฯ ได้ฟ้องพนักงานไอทีชาวเกาหลีเหนือ 14 คน เนื่องจากพวกเขาได้ใช้ข้อมูลปลอมแปลงตัวตนเพื่อใช้รับงานว่าจ้างในรูปแบบการทำงานระยะไกลให้กับบริษัทในสหรัฐฯ โดยคำฟ้องระบุว่า ชาวเกาหลีเหนือเหล่านี้สามารถสร้างรายได้อย่างน้อย 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้าประเทศ