การค้าไทยและเมียนมาได้รับผลกระทบมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การระบาดของโควิด 19 ต่อมา เมียนมายังเกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2021 ซึ่งนับตั้งแต่นั้น ตัวเลขการค้าสองประเทศก็ลดลงมาโดยตลอด เมื่อไปดูตัวเลขจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตากพบว่า มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างเดือนมกราคม–พฤศจิกายน 2567 รวมทั้งสิ้น 68,766.41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น 33,536.96 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขหลังจากนี้อาจจะยิ่งลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลไทยตัดสินใจตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตและน้ำมัน 5 จุดให้แก่เมียนมา เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Spotlight ว่า นับตั้งแต่รัฐบาลไทยตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดน้ำมันที่ส่งไปเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา การค้าชายแดนก็หยุดชะงักไป เพราะเมื่อไม่มีไฟฟ้าก็ค้าขายลำบาก และการตัดน้ำมันทำให้การขนส่งสินค้าจากเมียวดีไปนครย่างกุ้งได้รับผลกระทบ เพราะชาวบ้านฝั่งเมียวดีใช้น้ำมันที่นำเข้าจากฝั่งไทยเป็นหลัก เนื่องจากการขนน้ำมันมาจากย่างกุ้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก และต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมง เพราะระหว่างทางเป็นพื้นที่สู้รบ
นอกจากนี้ เมื่อการค้าชายแดนกระทบ ตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศย่อมกระทบตาม เนื่องจากตัวเลขการค้าของไทย-เมียนมา 80% มาจากการค้าชายแดน ซึ่งหลักๆก็จะมาจากสามจุดคือ ท่าขี้เหล็ก ระนอง และแม่สอดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม คุณกริชมองว่า ภาคธุรกิจเห็นด้วยกับการที่รัฐจะปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ แต่อยากให้นโยบายของรัฐเป็นไปอย่างตรงจุดมากกว่านี้ เพราะเมื่อตัดทุกอย่าง ประชาชนก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย สินค้าชายแดนจะมีราคาแพง ซึ่งนั่นจะทำให้ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงขึ้น
น้ำมันคือสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของชายแดนไทยบริเวณแม่สอดไปเมียนมาอยู่แล้ว โดยข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตากระบุว่า 3 อันดับสินค้ายอดฮิตคือ น้ำมันดีเซล โทรศัพท์มือถือพร้อมอุปกรณ์ และเม็ดพลาสติก
ส่วนมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างเดือนมกราคม–พฤศจิกายน 2567 รวมทั้งสิ้น 68,766.41 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านั้น 33,536.96 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.78
ขณะที่การส่งออกเดือนพฤศจิกายน2567 มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 6,744.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 1,315.93 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.24 (ตุลาคม 2567 มูลค่า5,428.99 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้วลดลง 1,475.34ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.95 (พฤศจิกายน 2566 มูลค่า 8,220.26 ล้านบาท) เป็นการส่งออก ณ ช่องทางอนุมัติของด่านศุลกากรแม่สอด เดือนพฤศจิกายน2567 มีสินค้าส่งออกสูงสุด 10 อันดับคือ น้ำมันดีเซล โทรศัพท์มือถือพร้อมอุปกรณ์ เม็ดพลาสติก แร่พลวง(คลังทัณฑ์บน) น้ำมันปาล์ม โลชั่นบำรุงผิว รถจักรยานยนต์ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเครื่องและรถยนต์เก่าใช้แล้วนำเข้ามาปรับสภาพและส่งออก
เมื่อเปรียบเทียบส่งออกช่วงเดือนมกราคม–พฤศจิกายน2567 มีมูลค่าการส่งออก 61,931.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วลดลง 27,286.30 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 30.58 (มกราคม –พฤศจิกายน 2566 มูลค่า 89,218.23 ล้านบาท) เป็นการส่งออก ณ ช่องทางอนุมัติของด่านศุลกากรแม่สอด สินค้าส่งออกสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ น้ำมันดีเซล โทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์ น้ำมันปาล์มโอลีนบริสุทธิ์ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ผสมและเม็ดพลาสติก
ที่มา : สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตาก