เป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอิสราเอล นายโยอาฟ เบน ชูร์ พร้อมคณะฯ เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือขยายโควตาแรงงานไทยเข้าสู่อิสราเอล และเตรียมทำ MOU ด้านแรงงานระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ นายโยอาฟเองกล่าวว่า การเดินทางเยือนไทยครั้งนี้ ถือเป็นการตอบแทนนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไทย ที่เคยไปอิสราเอลมาแล้วถึง 2 ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าอิสราเอลให้ความสำคัญกับแรงงานไทย และสองประเทศมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น
เช้าวันนี้ (5 มี.ค. 68) นายโยอาฟ เบน ชูร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอิสราเอล และนางเออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอล เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าพบ ณ สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย พร้อมเปิดเผยว่า ตั้งแต่เหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2023 และมีการปิดกั้นชาวปาเลสไตน์ไม่ให้เข้าประเทศ ทำให้อิสราเอลเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยกระทรวงแรงงานอิสราเอลประเมินแล้วว่าต้องการแรงงานจากต่างประเทศสูงถึง 300,000 คน และในจำนวนนี้ จะเปิดโควตาให้แรงงานไทยมากถึง 200,000 คน รองลงมาเป็นประเทศอื่น ๆ รวมกัน เช่น อินเดีย เนปาล จีน เวียดนาม ศรีลังกา กัมพูชา เม็กซิโก
เหตุผลอะไรที่ทำให้นายจ้างชาวอิสราเอลถูกใจลูกจ้างคนไทย? และรัฐมนตรีระดับสูงของอิสราเอลเดินทางเยือนต่างประเทศด้วยตนเอง ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ขยัน อดทน มีฝีมือ: แรงงานไทย ถูกใจนายจ้างอิสราเอล
นายโยอาฟ เบน ซูร์ เปิดเผยว่า หลังจากได้พูดคุยกับผู้ประกอบกิจการและนายจ้างในประเทศแล้ว พบว่าส่วนใหญ่ถูกใจแรงงานจากประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากแรงงานไทยขึ้นชื่อเรื่องความขยัน อดทน และมีฝีมือทำงานได้จริง ที่สำคัญเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ยังมีความประทับใจด้านนิสัยใจคอ สามารถอยู่ร่วมกับนายจ้างได้และดูแลกันเสมือนครอบครัว
เรื่องฝีมือการทำงานของแรงงานไทยที่ผ่านมา ทำให้อิสราเอลมีความมั่นใจที่จะจ้างงานอีก จากประสบการณ์ที่แรงงานบางประเทศมีทักษะไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ เช่น แรงงานกลุ่มหนึ่งถูกคาดหวังให้มาทำงานก่อสร้าง แต่กลับไม่มีทักษะใด ๆ เลย จึงเป็นปัญหาให้กระทรวงแรงงานอิสราเอลต้องตามแก้ไขและปรับเปลี่ยนภาระหน้าที่ใหม่ จนเกิดความล่าช้าในโครงการต่าง ๆ แต่สำหรับประเทศไทย กระทรวงแรงงานของไทยมีการคัดเลือกแรงงานและฝึกอบรมก่อนเดินทาง จึงเจอปัญหาเช่นนี้น้อยมาก
ปัจจุบันมีแรงงานไทยในอิสราเอลอยู่แล้วราว 40,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในภาคการเกษตร แต่ความพิเศษในปีนี้ คือกระทรวงแรงงานอิสราเอลวางแผนให้แรงงานไทยเข้ามาเติมเต็มธุรกิจภาคอื่น ๆ อีกราว 60,000 คน โดยเฉพาะแรงงานก่อสร้างที่จะช่วยเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกโจมตี รวมถึงงานที่เหมาะกับนิสัยของคนไทย เช่น การดูแลผู้สูงอายุ งานบริการในร้านอาหารและโรงแรม เป็นต้น คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถเกณฑ์แรงงานไทยได้อย่างน้อย 20,000 คน สู่ตลาดอิสราเอล
ฟังเสียงแรงงานไทยเตรียมไปอิสราเอล
ทีมข่าว Spotlight ได้พูดคุยกับแรงงานไทยหลายคนที่กำลังต่อแถวทำวีซ่าหน้าอาคารสถานทูตอิสราเอล กรุงเทพฯ ผู้ชายกำยำประมาณ 25 - 40 ปี เล่าว่า พวกเขากำลังจะเดินทางไปทำงานในโรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ ซึ่งได้พูดคุยตกลงกับนายจ้างในอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการทำเอกสารขอทำงานอย่างถูกกฎหมาย และฝึกอบรมเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปทำงานไกลบ้าน
“ถ้าอยู่นี่ก็ตายวันนี้ แต่ถ้าไปก็ยังได้เงิน” นี่คือคำตอบของหนึ่งในแรงงาน เมื่อถูกถามว่ากลัวเรื่องสงครามในอิสราเอลหรือไม่ แต่สิ่งดึงดูดใจสำคัญคือค่าตอบแทนขั้นต่ำเดือนละ 70,000 บาท ไม่รวมค่าล่วงเวลา พร้อมสวัสดิการตามกฎหมาย อีกทั้งได้ฟังประสบการณ์ของแรงงานไทยที่รู้จักกัน ตอนนี้ก็ยังใช้ชีวิตปกติสุขในอิสราเอลโดยไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากภาวะสงครามและส่งเงินกลับบ้านมาไม่ขาด ทำให้พวกเขากล้าที่จะเดินหน้าหาความมั่นคงในต่างแดน
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าแรงงานไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่หันมาสนใจไปทำงานในอิสราเอลมากกว่าประเทศอื่น ๆ เนื่องจากค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สมน้ำสมเนื้อ จากเดิมที่นิยมประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มากกว่า นอกจากนี้ แรงงานไทยที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในอิสราเอล 5 ปีเต็ม ส่วนใหญ่อยากขอขยายเวลาการทำงานเพิ่มอีก
ย้ำความปลอดภัย ให้สวัสดิการเต็มที่
ค่าตอบแทนการทำงานไม่ใช่อย่างเดียวที่ทำให้หนุ่ม-สาวคนไทยอยากไปอิสราเอล แต่สวัสดิการตามกฎหมาย การรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย รวมถึงค่าชดเชยเมื่อเสียชีวิต ก็มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้พวกเขายอมจากบ้านไปไกล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอิสราเอล เปิดเผยว่า หากแรงงานไทยได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามถึงขั้นเสียชีวิต จะมีค่าชดเชยเงินก้อนให้ครอบครัวสูงถึง 600,000 บาท นอกจากนี้ คู่สมรสตามกฎหมายจะได้รับเงิน 90,000 บาทต่อเดือน ไปจนกว่าจะเสียชีวิต บิดามารดาจะได้รับเงิน 80,000 บาทต่อเดือนไปตลอดชีวิต และบุตรจะได้รับค่าสนับสนุนทางการศึกษาเดือนละ 20,000 บาท จนกว่าจะอายุ 21 ปี
อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานอิสราเอลเน้นย้ำว่าการส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลนั้นมีความปลอดภัย เนื่องจากความรุนแรงหรือเหตุปะทะเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศเท่านั้น ส่วนแรงงานจากต่างแดนจะทำงานในพื้นที่ที่ห่างไกลจากเหตุปะทะ
รัฐบาลอิสราเอลยังเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลคนไทยด้วย สำหรับพื้นที่ไร่นาหรือสวนที่เป็นลานกว้าง อิสราเอลออกกฎให้เจ้าของพื้นที่ต้องทำหลุมลบภัยให้แรงงาน เพื่อป้องกันในกรณีที่เกิดการโจมตีทางอากาศ นอกจากนี้ ยังมีการฝึกอบรมสร้างความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากแรงงานไทยชอบถ่ายวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ระทึก จนนำมาซึ่งความสูญเสียในที่สุด ดังนั้น จะมีการฝึกอบรมเพื่อให้ทราบขั้นตอนการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง