ต่างประเทศ

ทูตจีนยินดีไทยร่วมหุ้นส่วน BRICS ชวนไทยไม่เหมารวม ‘จีนเทา’

25 ต.ค. 67
ทูตจีนยินดีไทยร่วมหุ้นส่วน  BRICS  ชวนไทยไม่เหมารวม ‘จีนเทา’

หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจจีนในมุมมองใหม่” จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา 

s__58572835

หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ “เศรษฐกิจจีนในมุมมองใหม่”

s__58572836
หาน จื้อเฉียง  ชวนคนไทยมองเศรษฐกิจจีนในมุมใหม่

โอกาสนี้ ท่านทูตจีนได้แสดงความยินดีกับไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ประเทศที่ได้รับสถานะพันธมิตรจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ BRICS ระบุว่า “เมื่อวานนี้การประชุมสุดยอดบริกส์ได้เปิดประตูต้อนรับสมาชิกใหม่ ผมทราบว่าประเทศไทย น่าจะเป็นประเทศหุ้นส่วน BRICS ชุดแรกในรอบนี้ จึงขอแสดงความยินดีด้วย ประเทศจีนขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่จะเชิญไทยเข้าร่วมครอบครัว BRICS และจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือประเทศไทยในการเข้าร่วมครั้งนี้”

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “BRICS เป็นกลไกที่รวบรวมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และให้ความสำคัญกับหลายประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาที่สถานการณ์ความมั่นคงโลกเกิดความซับซ้อน BRICS จะเข้ามาเป็นกลไกสร้างความเชื่อมั่นให้สถานการณ์โลกมากยิ่งขึ้น” 

2024-10-24t191008z_1_lop000q9_1
บรรยากาศการประชุม BRICS ประเทศรัสเซีย
2024-10-24t190807z_1_lop000q9_1
ประธานาธบดี สี จิ้นผิง ของจีนในงานประชุม BRICS

 

ในงานปาฐกถาพิเศษ ท่านทูต หาน จื้อเฉียง เน้นย้ำถึงจุดแข็งของเศรษฐกิจจีน ที่มีโครงสร้างการผลิตใหญ่ที่สุดในโลก มีตลาดการบริโภครองรับขนาดใหญ่ โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศ มีมูลค่ากว่า 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมองว่า “พรรคคอมมิวนิสต์” ถือเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากมีการวางแผนผลักดันเศรษฐกิจระยะยาว ซึ่งล่าสุดรัฐบาลจีนได้จัดการประชุมคณะกรรมการส่วนกลาง ร่วมกันวางแผนเศรษฐกิจระยะ 5 ปี พร้อมเสนอมาตรการกระตุ้นการลงทุนกว่า 300 ข้อ และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถเติบโตได้ 5% ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการรายงานข่าวของสื่อตะวันตกว่าเศรษฐกิจจีนจะล่มสลาย ซึ่งท่านทูตหาน จื้อเฉียง ได้ยินมาตลอด 40 ปีของการทำงาน แต่ในปัจจุบัน สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกเกิดการถดถอย ซึ่งจีนเองได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่จีนก็มีศักยภาพในการแก้ปัญหา โดยได้ออกมาตรการช่วยเหลือให้กับนักลงทุนภายในประเทศ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย การเปิดกองทุนเงินสำรอง การให้เงินสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่น เป็นต้น 

สำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยและจีนที่เป็นไปในทิศทางบวก เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ท่านทูตหาน จื้อเฉียง กล่าวถึง โดยระบุว่า ในปีหน้า (พ.ศ. 2568) จะถึงโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน สะท้อนให้เห็นว่าความแน่นแฟ้นทางการทูตส่งผลดีต่อการลงทุนระหว่างสองประเทศอย่างแน่นนอน ซึ่งปัจจุบันพบว่า กลุ่มนักลงทุนจีนในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีอัตราการจ้างงานคนไทยมากถึง 90%

ในงานปาฐกถาพิเศษ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ถามคำถาม ซึ่งการแก้ปัญหากลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายโดยนายทุนจีน หรือ ‘ทุนจีนสีเทา’ ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ด้านท่านทูตหาน จื้อเฉียง ให้คำตอบว่า ทางการจีนมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแน่นแฟ้นกับประเทศไทยอยู่แล้ว โดยไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจีนได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการปราบปรามกลุ่มทุนจีนสีเทาเสมอมา ผ่านการประชุมยกระดับการตรวจตราให้เข้มงวดขึ้น อีกทั้งยังวอนคนไทยอย่ามองเหมารวมว่า กลุ่มนายทุนจากจีนเป็นกลุ่มผิดกฏหมายทั้งหมด

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT