ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจร้าน Quick Service Restaurant ของไทยที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและยังร้อนแรงต่อเนื่อง เพราะต้องดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ให้ได้ ดังนั้นการทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและเข้าไปนั่งในใจของผู้บริโภคได้ จึงเป็นเรื่องท้าทายคนทำงานอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ “เบอร์เกอร์คิง” หนึ่งในแบรนด์เบอร์เกอร์ชั้นนำ ที่จะเห็นได้ว่ามีการทำกลยุทธ์ทางการตลาดที่แหวกแนว ไม่เหมือนใคร ซึ่งหลายครั้งสามารถสร้างกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ชื่อ เบอร์เกอร์คิง สามารถเข้าไปเป็นที่จดจำของผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะพาทุกคนไปแกะรอยกลยุทธ์ทางการตลาดสุดไวรัลของเบอร์เกอร์คิงว่าที่ผ่านมามีอะไรบ้างไปพร้อมกัน
เบอร์เกอร์คิงขึ้นชื่อเรื่องความไวต่อกระแสสังคมและเทรนด์ต่าง ๆ แบรนด์มักนำประเด็นร้อนแรงเหล่านี้มาผสมผสานกับแคมเปญและการโปรโมทผลิตภัณฑ์ได้อย่างแนบเนียน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การนำ "10 ศัพท์เด็ด วลีฮิต" ที่มียอดเอ็นเกจเมนต์สูงสุดในปี 2023 อย่างคำว่า #วาสนาผู้ใด #กรี๊ดสิครับ #ช็อตฟีล #ตัวมารดา เป็นต้น มาผสมผสานกับการโปรโมทสินค้า โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัล ที่มีผู้กดถูกใจเกือบ 3,000 คน และจำนวนแชร์มากถึง 469 ครั้ง นอกจากนี้ เบอร์เกอร์คิงยังเกาะกระแสภาพยนตร์ยอดฮิต ด้วยการปรับภาพโปสเตอร์พร้อมสร้างวลีล้อไปกับชื่อภาพยนตร์ เพื่อใช้โปรโมทเมนู ไอซ์ อเมริกาโน ได้แบบโดนใจชาวโซเชียล จนสร้างความฮือฮาจากผู้ติดตามได้ไม่น้อย เรียกว่าเป็นเรียลไทม์คอนเทนท์ที่สร้างสีสันบนโลกออนไลน์ได้ดีทีเดียว
เบอร์เกอร์คิงมักใช้กลยุทธ์การเล่นมุก เล่นคำ หรือการใช้ภาพในแคมเปญต่าง ๆ ที่สร้างเสียงหัวเราะและการจดจำให้กับผู้ติดตามได้ ตัวอย่างเช่น โพสต์ “ถ้าเราเขียนเก่งเราจะได้เป็นนักเขียน แต่ถ้าเราเข้าใจเก่ง เราจะได้เป็น นักเก็ตต์” ที่แปลงมาจากคำว่า Nugget ซึ่งโพสดังกล่าวมียอดกดถูกใจมากถึง 9,000 ครั้ง ยอดแสดงความคิดเห็นกว่า 1,000 ความคิดเห็น และยอดแชร์กว่า 3,500 แชร์ หรือ แคมเปญ The Real Burger ที่เป็นการโปรโมทแท็กไลน์ของร้าน Have It Your Way เพื่อตอกย้ำว่าเบอร์เกอร์ที่อร่อยที่สุดคือเบอร์เกอร์ในแบบที่เราชอบ แคมเปญนี้จุดประกายให้เกิดปรากฏการณ์ Real Cheese Burger เบอร์เกอร์ชีสล้วน 20 แผ่น และ Real Meat Burger เบอร์เกอร์เนื้อ 100 ชิ้น ที่สร้างกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ไปทั่วประเทศ ด้วยภาพเบอร์เกอร์ที่ประกอบด้วยชีสหลายชั้น หรือ ชิ้นเนื้อที่มีจำนวนชั้นมากจนมองไม่เห็นตัวขนมปัง จนสร้างความถูกใจให้กับผู้ติดตามและมียอดแชร์ของโพสสูงถึง 16,000 แชร์ ยอดกดถูกใจกว่า 28,000 ไลก์ ส่งผลให้ยอดเอ็นเกจเมนท์บนเฟสบุ๊กแฟนเพจเบอร์เกอร์คิงเพิ่มขึ้นกว่า 3,000% และทำให้เบอร์เกอร์คิงสามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เพิ่มขึ้น 50% รวมถึงยอดการลงทะเบียนในแอปพลิเคชันเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า และสร้างยอดขายนิวไฮในช่วงระยะเวลาที่ออกแคมเปญให้เพิ่มขึ้นกว่า 20%
เบอร์เกอร์คิงขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญ และไม่เคยกลัว กลยุทธ์นี้ถูกใช้ในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่น โพสต์สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า ที่เบอร์เกอร์คิงโพสต์ภาพกระเช้าไก่ทอดหาดใหญ่ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมแคปชัน "สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะผู้พัน" ลงบน Facebook ของ Burger King Thailand ก่อนวันครบรอบของ แบรนด์คู่แข่ง 1 วัน โพสต์นี้สร้างสีสันบนโลกออนไลน์อย่างมาก มีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและกดถูกใจจำนวนกว่า 1,000 ไลก์ หรือ การใช้ภาพโปรโมทที่มีคาแรกเตอร์คล้ายตัวตลก และตัวละครสัญลักษณ์ของแบรนด์คู่แข่งที่กำลังมองเมนูของเบอร์เกอร์คิงด้วยความอยาก ก็เป็นอีกหนึ่งโพสต์นี้สร้างเสียงหัวเราะและมีผู้ติดตามจำนวนมากร่วมแสดงความคิดเห็นและกดถูกใจกว่า 700 ไลก์
ล่าสุด เบอร์เกอร์คิงกลับมาเขย่าวงการอีกครั้งกับแคมเปญใหม่ที่เล่นใหญ่กว่าเดิม เพิ่มเติมคือความแสบสองเท่า โดยครั้งนี้ เบอร์เกอร์คิงมุ่งเป้าไปที่การโปรโมทเมนูใหม่ "โฟร์ชีสเลิฟเวอร์" เมนูสำหรับคนรักชีส ปักหมุดความเป็นเจ้าแห่งชีสเบอร์เกอร์ ต่อยอดกระแส The real cheese burger ผ่านสื่อโฆษณาในพื้นที่ใจกลางเมือง โดยการเปรียบเทียบเมนูใหม่ที่มีผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง ดับเบิ้ลโฟร์ชีสเบคอนเบอร์เกอร์ ที่ประกอบด้วย เนื้อย่างด้วยไฟที่ให้ถึงสองชั้น มาพร้อมพาร์เมซานบัน เชดด้าชีสซอส อเมริกันชีส และ สวิสชีส นำมาเทียบกับชีสเบอร์เกอร์ของแบรนด์อื่น ตอกย้ำความเป็นเจ้าแห่งชีสที่เต็มพิกัดยิ่งกว่า เพื่อกระตุ้นการรับรู้ก่อนเมนูดังกล่าวจะถูกวางจำหน่ายจริงในวันที่ 15 ก.พ. จนถึงวันที่ 30 เม.ย 2567 นี้ที่ร้านเบอร์เกอร์คิง ทุกสาขาทั่วประเทศ
จากกลยุทธ์ข้างต้น ไม่เพียงแต่ทำให้เบอร์เกอร์คิงกลายเป็นแบรนด์ที่ดึงดูดความสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก แต่ยังสร้าง “Brand Engagement” หรือการมีส่วนร่วมกับแบรนด์สูงขึ้น ผู้บริโภคไม่เพียงแค่เห็นโฆษณา แต่รู้สึกอยากติดตาม อยากรู้ อยากแชร์ กลยุทธ์เหล่านี้สร้าง “Brand Awareness” หรือการรับรู้แบรนด์ให้กว้างขวางขึ้น จนทำให้เบอร์เกอร์คิงเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึง จดจำ และกลายเป็น “Burger King Effect” เอาเป็นว่าต้องคอยจับตาว่าต่อจากนี้จะมีแคมเปญอะไรออกมาสร้างความฮือฮากันอีกบ้าง รับรองว่า ขึ้นชื่อว่า เบอร์เกอร์คิง ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน