เป็นไปได้หรือไม่ที่ หัวใจของเราจะไปอยู่กับอีกคน? เป็นไปได้ในทางการแพทย์ เรียกว่า "การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ" ข้อมูลเบื้องต้นการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ คือกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ในการเปลี่ยนหัวใจของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังหรือภาวะหัวใจผิดปกติร้ายแรงที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆ โดยจะใช้หัวใจจากผู้บริจาคที่สมบูรณ์และมีความเข้ากันได้กับร่างกายของผู้ป่วย
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมักจะพิจารณาในกรณีที่ผู้ป่วยมี ภาวะหัวใจล้มเหลว ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น เช่น การใช้ยาหรือการผ่าตัดที่ไม่ใช่การเปลี่ยนหัวใจ ซึ่งภาวะหัวใจล้มเหลวสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
• โรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
• ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขยาย
• โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น
• โรคทางพันธุกรรม หรือความผิดปกติที่เกิดจากการเจริญเติบโตของหัวใจ
• โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ที่มีการพัฒนาไปจนถึงการล้มเหลวของหัวใจ
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจไม่เหมาะสมกับทุกคน แม้ว่าผู้ป่วยจะมีภาวะหัวใจล้มเหลวก็ตาม โดยผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการเปลี่ยนหัวใจ ได้แก่
• ผู้ป่วยที่มีโรคทางพยาธิวิทยาที่อื่น เช่น โรคมะเร็งในระยะสุดท้าย หรือโรคติดเชื้อที่รุนแรง
• ผู้ป่วยที่มีอายุมาก หรือมีภาวะสุขภาพโดยรวมที่ไม่เหมาะสมกับการผ่าตัดใหญ่ เช่น มีโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคปอดที่รุนแรง
• ผู้ป่วยที่มีภาวะโรคติดเชื้อที่ไม่สามารถควบคุมได้
• ผู้ป่วยที่มีสภาพจิตใจไม่พร้อม หรือไม่สามารถปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการผ่าตัด
ก่อนการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ผู้ป่วยต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับการผ่าตัด และเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม รวมถึง
• การตรวจร่างกาย เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม
• การตรวจเลือด เพื่อตรวจคัดกรองการติดเชื้อ โรคต่างๆ และตรวจหาความเหมาะสมในการใช้ยา
• การตรวจหัวใจ เช่น อัลตราซาวด์หัวใจ หรือการทำ MRI หัวใจ เพื่อประเมินสภาพหัวใจปัจจุบัน
• การตรวจการทำงานของอวัยวะอื่นๆ เช่น การทำงานของตับ ไต และปอด
• การประเมินสภาพจิตใจ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยมีความสามารถในการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เผยข้อมูลเบื้องต้นว่า การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจประกอบด้วยขั้นตอนที่ซับซ้อน หลังจากที่ได้อวัยวะจากผู้บริจาคซึ่งมีกลุ่มเลือดที่เหมาะสมกับผู้ป่วย ทีมศัลยแพทย์จะผ่าตัดนำหัวใจออกจากร่างกายของผู้บริจาคและหยุดหัวใจด้วยน้ำยาพิเศษ ในขณะที่ทีมศัลยแพทย์อีกทีมหนึ่งจะวางยาสลบ ใส่เครื่องช่วยหายใจให้แก่ผู้ป่วยและเปิดทรวงอกของผู้ป่วยรอไว้ เมื่อหัวใจผู้บริจาคมาถึง ศัลยแพทย์จะนำหัวใจดวงเก่าของผู้ป่วยออกเพื่อนำหัวใจดวงใหม่ใส่เข้าไปทดแทนและปล่อยเลือดไปเลี้ยงหัวใจเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้งหนึ่ง
การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมีความเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดใหญ่ๆ เช่น
• การติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อในแผลหรือในระบบทางเดินหายใจ
• ภาวะเลือดออก หรือภาวะเลือดไม่หยุด
• การปฏิเสธหัวใจ โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจโจมตีหัวใจที่ถูกปลูกถ่าย
• ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หรือภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ
• ภาวะแทรกซ้อนทางระบบหายใจหรือไต
หลังการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลระยะหนึ่ง และจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
• การรับประทานยากดภูมิอย่างเคร่งครัดตามที่แพทย์แนะนำ
• การดูแลรักษาความสะอาดทั้งทางด้านอาหารและการใช้ชีวิต
• การมาพบแพทย์เพื่อตรวจระดับยาและตรวจชิ้นเนื้อตามนัดหมาย
• การออกกำลังกายที่ควรทำและไม่ควรทำ
• การตระหนักถึงอาการติดเชื้อและอาการร่างกายต่อต้านอวัยวะ
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจะสูงมาก และสามารถแตกต่างกันตามสถานพยาบาล และประเทศที่ทำการรักษา รวมถึงค่ารักษาพยาบาลระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการติดตามอาการ ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ในระดับหลายล้านบาท ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
หัวใจที่ใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจะต้องมาจากผู้บริจาคที่เสียชีวิต ซึ่งอาจมาจากอุบัติเหตุหรือภาวะสมองตาย โดยผู้บริจาคต้องมีการตรวจสอบความเหมาะสมก่อนที่จะนำหัวใจมาใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยน รวมถึงการตรวจเลือดเพื่อความเข้ากันได้ระหว่างหัวใจผู้บริจาคกับผู้ป่วยที่จะรับการผ่าตัด
จากสถิติของสมาคมผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจนานาชาติ พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมากกว่า 70% จะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 10 ปี และส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะสามารถดำรงชีวิตเหมือน หรือใกล้เคียงคนปกติได้
รวบรวมข้อมูลโดยอ้างอิงข้อมูลจาก : doctor.or.th / โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ / hdmall.co.th / สภากาชาดไทย
Advertisement