เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 7 ก.พ. 68 พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ เดินทางมาถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ หลังจากไปรับโทรศัพท์มือถือของ น.ส.ภัทรธิดา หรือ นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา ที่นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ็ค เก็บไว้ที่สหรัฐอเมริกา โดยมีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปรอรับโทรศัพท์มือถือดังกล่าวถึงประตูเครื่องบิน
โดยมีนาย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำเครื่องโทรศัพท์ส่งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจเก็บหลักฐานจากภายนอกของตัวเครื่อง เคส ซองพลาสติก และซิมก่อนเก็บเข้าถุงพลาสติก และปิดผนึกไว้
พ.อ.นพ.ธวัชชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนใช้เวลา 75 ชั่วโมงเดินทางไป-กลับสหรัฐอเมริกา เพื่อรับโทรศัพท์ ของแตงโม ที่แม่ของแตงโมส่งให้บังแจ๊คเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน การเดินทางไปครั้งนี้ถือว่าตนได้ทำหน้าที่พลเมือง โดยดีเอสไอไม่ต้องเสียงบประมาณเลย ถ้าไม่เจออะไรก็ถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าเจอเท่าไหร่ก็ถือว่าเป็นกำไร
หลักฐานที่ได้จากโทรศัพท์ของแตงโม จะเป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานทั้งหมด เป็นส่วนหนึ่งของ digital forensic เท่านั้น โดยมีข้อมูลอื่นๆ เช่น จีพีเอสเรือที่จะเอามาเทียบกับรูปภาพ ซึ่งหลักฐานที่มีจะสามารถนำเข้าสำนวนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ได้แน่นอน รวมทั้งการทำลายหลักฐานของจำเลย แต่สำนวนฆาตกรรมคงไม่มี เพราะคงไม่มีฆาตกรคนไหนอัดคลิปตอนทำฆาตกรรม
ถ้าจะไปหาคลิปกรีดขา คลิปตีกัน เราคงไม่หา แต่เรามีหลักฐานอย่างอื่น เช่น หลังเวลา 20.26 น.ไปแล้วไม่มีรูปแตงโมในโทรศัพท์เลย โทรศัพท์คนอื่นบนเรือก็ไม่มี ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัย ทั้งนี้ในมือถือของแตงโมไม่มีรูปตั้งแต่หลังเกิดเหตุแล้วตามที่เพื่อนคุณแม่บอกว่าไม่เห็น แต่ทำไปพอส่งไปกู้มีรูปมาเบอะแยะ แค่นี้ก็จบแล้ว
ด้านนายอัจฉิยะ กล่าวว่า ข้อมูลจากมือถือของแตงโม เป็นเพียงส่วนประกอบ 5-10% เท่านั้น แต่มีหลักฐานอื่นๆ มากกว่านี้ที่จะเอาผิด ถึงไม่มีมือถือของแตงโมก็สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ เอาผิดคนบนเรือได้อยู่แล้ว โดยหลักฐานที่ดีเอสไอมีจำนวนมาก มีคนเกี่ยวข้องเป็น 100 คน ถึงเวลา่ต้องกวาดให้เกลี้ยง เพราะนี่เป็นคดีอัปยศของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ด้านนายอัจฉิยะ กล่าวว่า ภาพจากมือถือของแตงโมจะเป็นการยืนยันว่าช่วง 3-4 ทุ่มของวันเกิดเหตุ แตงโมไม่ได้อยู่บนเรือแล้ว แต่ตำรวจไปแถลงว่าแตงโมตกเรือเวลา 4 ทุ่ม 34.10 นาที แสดงว่าที่อ้างว่าแตงโมตกเรือ โดนใบพัดเรือ ไม่ใช่เรื่องจริง
ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า สิ่งที่เห็นในวันนี้เป็นการตอกย้ำว่าดีเอสไอทำงานอย่างโปร่งใส มีการเปิดพื้นที่ให้สื่อถ่ายภาพการเก็นหลักญานจากโทรศัพท์มือถืออย่างละเอียด ทั้งจากซองพลาสติก เคส บนตัวโทรศัพท์ และซิม เพื่อให้เห็นว่าจะไม่มีการดัดแปลงเพิ่มเติมหลักฐานใดๆ
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ความสงสัยของเราก็คืออยากให้ดีเอสไอตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีแตงโมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ข้อมูลจากมือถือจะเป็นองค์กระกอบหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำตามขั้นตอนหรือไม่ ซึ่งเราพบว่ามีคนเกี่ยวข้องเป็น 100 คน มีนักการเมืองด้วย ส่วนผลลัพท์จะเป็นอย่างไร อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับที่เราสงสัยก็ได้ แต่เราจะมีคำอธิบายที่ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาเรายังสงสัยเพราะกระบวนการไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามคำตอบเป็นอย่างไร เราก้ยังเชื่อมั่นในดีเอสไอชุดนี้
ขณะที่ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้ได้มารับเครื่องโทรศัพท์ที่หมอธวัชชัยรับมาจากบังแจ๊ค โดยไปรับตั้งแต่ลงจากเครื่อง และสถาบันนิติวิทยศาสตร์ได้มาตรวจทางกายภาพของตัวเครื่องว่ามีดีเอ็นเอของใครติดอยู่บ้าง ต่อไปจะนำไปเก็บที่ห้องความมั่นคง เป็นความลับขั้นสูงสุด แล้วตอนเช้าจะส่งไปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อเก็บหลักฐานทางแล็บทั้งหมด
เมื่อได้รับผลการเก้บข้อมูลแล้วจะขยายผลเชิญผู้เกี่ยวข้องที่มีดีเอ็นเอที่ตัวเครื่อง หรือมีข้อมูลในโทรศัพท์ มาให้ข้อมูลต่อไป โดยในสัปดาห์หน้า ช่วงวันที่ 10-17 ก.พ. จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ หลังจากนั้นสัปดาห์ถัดไปจะประสานกรมเจ้าท่า เพื่อลงสแกนภาพ 3 มิติในแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่เรือวิ่ง ตามที่จีพีเอสระบุ รวมทั้งสแกนภาพจุดที่เราสงสัยโดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ ซึ่งมีอยู่ 6 จุดที่ปรากฏตามคลิปต่างๆ และเปิดให้ประชาชนที่มีเบาะแสส่งข้อมูลมาให้เพิ่มเติมได้เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ดีเอสไอมีกรอบระยะเวลาดำเนินการเรื่องนี้ 6 เดือน และสามารถขยายได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม หลังจากดำเนินการไป 3 สัปดาห์ถือว่าคืบหน้าไปเยอะแล้ว แต่บอกเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้
Advertisement