วันที่ 24 ก.พ. เวลา 10.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าตึก DSI เสี่ยอู๊ดหรือ นายกิตติภัฎ ธนาสนธิราช อายุ 54 ปี และ คุณบอล เจ้าของอู่เรือ NBC เดินทางมาปักหลักอยู่ที่บริเวณด้านตึก DSI โดยเผยว่า วันนี้ตนจะมานอนที่นี่ ตนจะมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะหลังจากที่ตนมาเป็นพยานให้คดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม ชีวิตตนก็อยู่ไม่สุข ถูกคุกคาม ถูกสังคมโจมตี กล่าวหาว่าตนให้การเข้าข้างคนผิด ทั้งยังพาดพิงไปถึงครอบครัว และลูกสาวของตน วันนี้ยืนยันว่าไม่เคยให้การเข้าข้างคนบนเรือเลย ตนให้ข้อมูลตามดาต้าของ GPS ส่วนกรณีที่บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงเวลา GPS นั้นตนไม่ทราบ เพราะมีหน้าที่แค่เอาข้อมูลเวลาบนเรือมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แค่นั้น แล้วหากตนผิดจริงก็พร้อมให้ควบคุมตัวเลย เพราะปักหลักอยู่ที่นี่แล้ว
ต่อมา อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เดินทางมาด้วย ทันทีที่อาจารย์ปานเทพ มาถึง คุณบอล ก็เข้าไปยกมือไหว้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับว่าตนใช้คำพูดไม่ดี โดยอาจารย์ ก็บอกว่า ที่บอล กล่าวพาดพิงตนไม่ได้โกรธอะไร หลังจากนั้นจึงได้มีการมาสอบถามข้อเท็จจริงอื่นๆ โดยประเด็น กล้องวงจรปิดที่อู่ต่อเรือ NBC ยืนยันว่าเสียก่อนเกิดเหตุมาแล้ว 5 ปี ยอมรับที่ไม่ได้ซ่อมเพราะเคยมีปัญหา ภรรยาลูกค้ามาขอดูกล้องวงจรปิด ไม่อยากให้เป็นประเด็นจึงไม่ได้ซ่อม
ต่อมาประเด็นเรื่องการไปจอดเรือลอยลำอยู่ที่วัดค้างคาวนาน 1 ชั่วโมง 10 นาที นั้น บอล เผยว่า ตามสถานการณ์ ณ ตอนนั้น หากแตงโมตกเรือ อาจถูกกระแสน้ำพัดไปใกล้เคียงบริเวณวัดค้างคาว จึงไปค้นหาแตงโมบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ตนยังเคยสอบถามปอ ตั้งแต่วันเกิดเหตุว่าทำไมไม่กลับไปรอที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งนายปอ ให้เหตุผลว่า ตอนนั้นทุกคนยังตั้งสติไม่ได้ จึงกลับมาที่อู่ต่อเรือก่อน แต่ในมุมของตน มองว่าหากเป็นตัวเองคงจะไปรอที่จุดเกิดเหตุมากกว่า
นอกจากนี้นายบอล ยังยืนยันด้วยว่า ไม่เคยล้างเรือลำเกิดเหตุ เพราะหากล้างจริงคงจะไม่มีการตรวจสอบพบคราบไวน์ พร้อมเปิดเผยว่าหลักฐานที่ตนเห็นในเรือวันเกิดเหตุประกอบไปด้วยแก้วไวน์ และเสื้อคลุมสีน้ำตาล แต่เป็นเสื้อคลุมแบบสั้นไม่เหมือนกับเสื้อที่แตงโมใส่ในวันเกิดเหตุ
นายบอล ยังให้ความเห็นในฐานะที่มีความเชี่ยวชาญด้านเรือว่าใบพัดเรือทุกชนิดจะไม่หยุดทำงานในทันที หากเจอสิ่งกีดขวาง แต่จะมีการตัดรอบของใบพัดเรือให้หมุนช้าลงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามยอมรับที่ผ่านมา เคยเห็นรูปศพของแตงโมแต่เข้าใจว่าเป็นภาพตัดต่อมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ได้ทราบว่าเป็นภาพจริง ดังนั้นจึงมองว่าคดีนี้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่หากถามว่าบาดแผลเกิดจากใบพัดเรือหรือไม่นั้น ตนมองว่ามีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ แต่มองว่าสิ่งที่เป็นของมีคมที่จะทำให้เกิดบาดแผลบนเรือได้มีเพียงแค่ใบพัดเรืออย่างเดียว
Advertisement