พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่วานนี้ได้มีชายชาวจีนประมาณ 4-5 คน หอบเอกสารออกจากพื้นที่ก่อสร้างอาคาร สตง.ว่า
ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณภัย ซึ่งจากคำสั่งดังกล่าวครอบคลุมตามข้อกฎหมาย พ.ร.บ. ป้องกันสาธารณภัย
ซึ่งจากเมื่อวานได้รับแจ้งจากพี่น้องสื่อมวลชนว่าได้พบเห็นกลุ่มบุคคล ประมาณ 4 คน ได้มีการนำเอาเอกสาร ออกจากบริเวณด้านหลังจุดที่ตึกถล่ม ซึ่งเป็นอาคารจอดรถที่อยู่ติดกัน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่ และปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้เคลื่อนตัว และพบว่าเป็นคนจีนทั้งหมด 4 คน ขนเอกสารไป เมื่อได้รับแจ้ง ตนจึงได้นำเรียนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่ติดตาม ปรากฏว่าได้พบกับชายชาวจีน 1 คน ซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่จุดดังกล่าว อ้างว่าเป็นผู้อำนวยการโครงการเกี่ยวกับการก่อสร้างตึกครั้งนี้
ตำรวจจึงได้ประสานว่ารถคันดังกล่าวที่ขนเอกสารออกไปพร้อมกับคนงานให้กลับมา จึงได้มีการติดต่อประสานงานกันเมื่อคืนนี้ให้มาพบกันที่สน.บางซื่อ ก็คือคนจีนทั้งหมด 4 คนรวมผู้อำนวยการที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้อำนวยการโครงการ เมื่อคืนได้มีการสอบปากคำ ตรวจสอบพาสปอร์ตและวีซ่า ว่ามีใบอนุญาตทำงานกิจการร่วมค้ากับทางบริษัทอิตาเลียนไทย
จากการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเป็นแฟ้ม 32 รายการ เป็นเอกสารเกี่ยวกับผู้รับเหมา เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคำชี้แจง หนังสือแจ้งให้ตรวจสอบงานทั่วไป เอกสารผู้รับเหมาเช่าช่วง เอกสารงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้า และระบบต่างๆ
ซึ่งในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้มีการตรวจยึด ส่วนชาวจีนทั้ง 4 คน ได้มีการปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากมีการสอบปากคำไปแล้ว
โดยทั้งหมด อ้างว่าเขาไม่สามารถเข้าในพื้นที่นี้ได้ เขาต้องการจะไปเคลมประกัน จึงต้องเอาเอกสารที่เก็บไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่วางไว้บริเวณลานจอดรถ ซึ่งเป็นที่ทำการชั่วคราวของบริษัท เพื่อไปทำการเคลมประกันภายใน 72 ชั่วโมง นี่คือคำกล่าวอ้างของเขา แต่เขายังไม่ได้รับการอนุญาตเลย ไม่ได้มาขออนุญาตจากผู้อำนวยการพื้นที่
ล่าสุดทางนิติกร เขตจตุจักร กำลังร่างหนังสือเพื่อมาแจ้งความดำเนินคดีกับชาวจีนดังกล่าว ซึ่งได้เข้ามาในพื้นที่ที่ประกาศเป็นสาธารณภัย ถือว่ามีมีความผิด ตามมาตรา 51 ผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ปิดกั้นตามมาตรา 27 (3) โดยมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ
Advertisement