จากกรณีที่เมื่อวานนี้สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่า มีลุงคนหนึ่งชื่อสมนิจ ดวงเนตร อายุ 51 ปี อ้างว่าภรรยาของเขาที่ตั้งครรภ์ 4 เดือน ซึ่งเป็นเสมียนทำงานด้านเอกสารอยู่ที่ชั้น 4 ของตึกก่อสร้างที่พังถล่มลงมายังติดอยู่ในตึก ก่อนที่จะมีการเปิดโปงผ่านโลกออนไลน์ในภายหลังว่าเรื่องราวของลุงคนดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าว ได้พบเจอกับลุงสมนิจอีกครั้ง ซึ่งตัวลุงเองยังคงเดินวนไปวนมาอยู่ในบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ ทางทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้งว่า สิ่งที่ลุงให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ลุงสมนิจยังยืนยันว่าเป็นความจริง ไม่ได้กุเรื่อง โดยภรรยาของตนนั้นยังคงติดอยู่ภายใต้ซากอาคารดังกล่าวจริง ซึ่งภรรยาของตนทำงานอยู่ที่ชั้น 4 เป็นเสมียนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของหน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของพื้นที่
อีกทั้งยังยืนยันว่า ภรรยาของตนอายุ 25 ปี ตั้งท้องได้ประมาณ 4 เดือน โดยคบหากันไม่ได้ประมาณ 2-3 ปีจากการพบกันที่สถานบันเทิงแถวพระราม 9 ก่อนหน้านี้ภรรยาของตนทำงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวพระราม 9 แล้วตนเองก็เคยทำงานเป็นคนขับเครนในห้างที่เดียวกัน
โดยในวันเกิดเหตุ ตนได้ที่ติดต่อภรรยาของตนครั้งสุดท้ายก็เมื่อช่วงขณะที่เกิดเหตุ อ้างว่าตอนแรกภรรยาบอกตนว่าให้มากินข้าวด้วยกันแถวจตุจักร แต่ระหว่างนั้นก็เกิดแผ่นดินไหว ภรรยาบอกว่าตึกสั่นแรงมาก จากนั้นประมาณ 20 นาที ก็ได้ยินเสียงดังโครมทางโทรศัพท์และโทรศัพท์ภรรยาก็ตัดหายไป
ตั้งแต่วันนั้น ตนก็เลยมเกาะติดสถานการณ์ เพื่อหวังว่าเจ้าหน้าที่จะพบเจอภรรยาของตน ทำให้ตนยังไม่ได้กลับไปที่ห้องย่านลาดพร้าวเลย โทรศัพท์ก็ลืมเอาไว้ที่ห้อง เพื่อหวังว่าจะได้พบเจอภรรยาของตน
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่าตนเรี่ยไรขอรับบริจาคเงินนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยตนเองได้รับเงินจากนักข่าวสำนักข่าวแห่งหนึ่งจริงประมาณหนึ่งหมื่นบาท แต่ตนได้ปฏิเสธคืนเงินดังกล่าวไป เพราะเนื่องจากมีคนกล่าวหาว่าตนขโมยเงิน โดยได้คืนเงินต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อย ยืนยันว่าไม่มีการขอรับบริจาคเงินแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ไม่พบชื่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นภรรยาของลุง (กรวิภา สอนบุปผา) ลุงสมนิจกล่าวว่า เป็นเพราะเรื่องการพิสูจน์ทราบชื่อบุคคลนั้นยังคาดเคลื่อน เลยไม่พบชื่อของภรรยาตนเอง ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าจริง ๆ แล้วลุงเดินไปเดินมาอยู่แถวลาดพร้าวนั้น ลุงกล่าวว่าก็เนื่องจากแถวนั้นเป็นห้องพักของลุง เพราะทำงานเป็นพนักงานก่อสร้างแถวนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ตัวลุงเองได้มีการดื่มสุราหรือไม่ ตอนแรกลุงปฏิเสธว่าไม่ได้ดื่ม แต่ภายหลังก็ยอมรับว่าเมื่อคืนนี้ลุงได้ดื่มสุราจริง ๆ โดยจากการสังเกตของทีมข่าวพบว่า ที่ตัวของลุงนั้นได้กลิ่นสุราออกมาอย่างเห็นได้ชัดและลักษณะการตอบคำถามพูดคุยกับผู้สื่อข่าวนั้นเป็นการพูดแบบวกไปวนมา
Advertisement