นายสนธิญา กล่าวว่าได้ติดตามกลุ่มคลับเฮ้าส์toxic มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีการกล่าวหา พูดบูลลี่ และมีการกระทำการที่หมิ่นพี่น้องชาวอีสาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 4 ที่ว่าด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งตนได้จับตาว่าจะมีหน่วยงานส่วนกลางใดบ้างที่จะเข้ามาตรวจสอบ เพราะฉะนั้นที่มาร้องวันนี้จึงอยากให้ทางปอท.เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่เข้าค่ายความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ในมาตรา 14 (1) (2) (3)และ(5) หรือไม่ ซึ่งบัญญัติไว้ชัดเจนว่าการนำความเท็จมาพูด หรือการนำเข้าข้อมูลโพสต์ลงคอมพิวเตอร์ที่สร้างความแตกแยกทำให้เกิดความไม่เข้าใจอันดีต่อพี่น้องประชาชนและคนในประเทศ เป็นการกระทำที่ผิดต่อพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนตำรวจจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของจนท.ตำรวจปอท.ที่ต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
สนธิญา กล่าวต่ออีกว่า คนเป็นมนุษย์ไม่ว่าจะเหนือใต้อีสานหรือแอฟริกามีสิทธิ์เท่าเทียมกันทางกฎหมาย มีเกียรติยศศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
ส่วนกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎรได้ลงนามปลดตนเองให้พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษากรรมาธิการนั้น นายสนธิญากล่าวว่าตนเองเป็นที่ปรึกษากมธ.ของท่านสิระตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ก็ผ่านมาหนึ่งปีกว่า ยอมรับว่าในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้เข้าประชุมคณะที่ปรึกษากมธ. เนื่องด้วยเหตุผลจากสถานการณ์โควิด-19 หรืออาจเป็นเพราะความคิดที่ไม่ตรงกันในบางเรื่อง แต่ผมให้เกียรติท่านสิระมาโดยตลอด เพราะท่านแต่งตั้งผมเข้ามา ซึ่งผมถือมารยาทมาตลอดว่าผมได้รับเกียรติ เมื่อไหร่ที่ผมไม่มีเกียรติก็ช่วยทำหนังสือบอกผม ผมก็พร้อมออก
ทั้งนี้ผมฝากขอบคุณท่านสิระ เจนจาคะด้วย แม้ในช่วงที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับกมธ.กฎหมายอยู่ 7-8 เดือนจะถูกดำเนินคดีอยู่ 2-3 คดีในการฟ้องร้องก็ตาม ยืนยันว่าที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว ซึ่งผมก็พูดคุยกับท่านสิระ อยู่ตลอด
นอกจากนี้ นายสนธิญา สวัสดี (อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร้องทุกข์ให้ บก.ปอท.ตรวจสอบการโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องวัคซีน ของ าร์ท สุทธิพงศ์ เมื่อ 12 พ.ค. 64 ก่อน สน.นางเลิ้ง จะส่งคดีที่นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทนายความนายกรัฐมนตรี แจ้งความเรื่องเดียวกันเมื่อ 13 พ.ค.64 มารวมเป็นคดีเดียวกันที่ บก.ปอท. จนล่าสุด พงส.กก.3 บก.ปอท. ออกหมายเรียก ฮาร์ท สุทธิพงศ์ มารับทราบข้อหาหมิ่นสถาบันฯ ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ม.14(3) เมื่อวานนี้
นายสนธิญา กล่าวว่า “เท่าที่ตนทราบพนักงานสอบสวนน่าจะนำคดีที่ตนยื่นร้องไว้ต่อ ผบก.ปอท.กรณีของนายฮาร์ท สุทธิพงศ์ เข้าไปรวมเป็นคดีเดียวกัน หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของทาง บก.ปอท.ที่จะต้องดำเนินการและตีความว่าประเด็นที่แกพูดมันผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่ตนกล่าวอ้างหรือไม่ และต้องไปผนวกกันทางทนายท่านนายกรัฐมนตรีด้วย น่าจะเป็นมาตราเดียวกัน น่าจะใช้เวลาไม่นาน ที่หนักก็คือเกี่ยวกับมาตรา 112 ที่นายฮาร์ท สุทธิพงศ์ ต้องมาอธิบายให้กับพนักงานสอบสวนทราบ เจ้าตัวน่าจะยื่นคำให้การเป็นรายลักษณ์อักษร แล้วคงต้องมาอีกรอบหนึ่ง ตนไม่ทราบรายละเอียด โดยหลักการก็น่าจะปฏิเสธข้อหานี้อยู่แล้ว
แต่การจะปฏิเสธหรือไม่นั้นตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จะยังคงมีเอกสารหลักฐานที่ออกมาอยู่แล้ว โดยเขาอาจปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวเขา อย่าลืมว่าคอมพิวเตอร์มีการแฮกกันได้ มีการปลอมกัน เป็นอวตารเอาชื่อหรือหน้าคนอื่นมาใส่แทนกันได้
ดังนั้นการที่ตนยื่นปอท.เพื่อให้มีการตรวจสอบก่อนเบื้องต้น เพราะเราไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ปรากฏบนคอมพิวเตอร์ เป็นตัวเขาเองจริงหรือไม่ ซึ่งเราต้องให้โอกาสเขาได้ชี้แจง ซึ่งโดยหลักการต้องมาพิสูจน์กันต่อไป”
“ผมสังเกตว่าวานนี้คุณฮาร์ท ก็เบาลง แต่หากจะมีการโพสต์ต่ออีกก็ต้องเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปอท.ต้องดำเนินการต่อไป”
ส่วนหลังพบพนักงานสอบสวน ปอท.แล้ว ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า”สวรรค์ในอก นรกในไทย”นั้น นายสนธิญา กล่าวว่าหากทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง ก็ถูกต้องแต่ถ้าเราทำในสิ่งที่มีปัญหา มันก็มีปัญหา ซึ่งไม่ใช่อยู่ที่ใครทั้งสิ้น แต่อยู่ที่ตัวเองทั้งนั้น ทั้งนี้ ตนขอความฝากความปราถนาดีไปถึงนายฮาร์ท ด้วยว่าตนไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องมีความไม่พอใจส่วนตัวกับนายฮาร์ท แต่เรื่องข้อความอะไรที่โพสต์ลงในคอมพิวเตอร์ ท่านจะต้องระมัดระวังอยู่แล้ว จึงเรียกร้องว่าครั้งหน้า ครั้งหลังให้ระมัดระวัง เพราะว่าเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของประเทศนี้อยู่ แล้วการที่นายฮาร์ท เป็นนักร้องและมีคนตามอยู่เยอะ ซึ่งการโพสต์หรือจะทำอะไรก็โปรดระมัดระวังก็จะเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายผู้รับ ผู้อ่านและฝ่ายผู้โพสต์ ซึ่งหากมีการโพสต์ข้อความที่ผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นผมหรือคุณฮาร์ท หรือใครก็ตามต้องผิดกฎหมายไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้เลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ร้านลาบบุรีรัมย์ ขึ้นป้าย ไม่ขายให้คนอีสาน ขายให้เฉพาะคนภาคกลาง
- 2 สาวดาว TikTok รับถูกทัวร์ลงหนัก ยันไม่ได้เหยียดคนอีสาน เตรียมสู้คดีหากมีคนฟ้อง (คลิป)
- กลุ่มคนอีสาน..บ่ทน แจ้งความ #คลับเฮ้าส์toxic ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
Advertisement