ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่าน Care Talk x Care ClubHouse ถึง ประเด็นเรื่อง คนรวยใช้ทางด่วน คนจนใช้ถนนข้างล่าง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดไว้จนกลายเป็นกระแสดราม่า ว่า
ผมนี่ร้อง oh my god เลย แต่วันนี้ว่าผมจะอธิบายเหมือนช่วยลุงตู่หน่อย คือ คนเรา หรือผู้นำมักเอาวัฒนธรรมของตัวเองมานำองค์การ ตอนสมัยที่ลุงตู่เรียนอยู่เตรียมทหารเป็นยังไง คุณรู้ไหมว่าเขามี 2 ประตูนะ บันไดด้วย เขาแบ่งกันชัดเจน ทางหนึ่งให้ทหารสัญญาบัตรใช้ อีกทางหนึ่งก็เหลือไว้ให้ทหารชั้นประทวนใช้ วิธีคิดนี้เลยติดมา ลุงตู่เลยบอกว่า มีตังค์ก็ใช้ทางด่วน ไม่มีตังค์ก็ใช้ทางข้างล่าง คงเพราะใช้วิธีคิดตามสภาพชีวิต ไม่ได้คิดเลยว่ามันคือการแบ่งแยกชนชั้น แต่เขาเคยชินกับการแบ่งยศ แบ่งขั้น เลยเอามาใช้กับเรื่องทางด่วน
จริงๆแล้วเรื่องทางด่วนเนี่ย มันจำเป็นที่ต้องเพิ่มโครงข่าย แต่ทำยังไงให้การกำหนดราคาเป็นธรรมกับประชาชนและผู้ลงทุน ค่าลงทุน ค่าเวนคืนเท่าไหร่แล้วหักยังไง แล้วคิดสูตรการจ่ายค่าทางด่วนเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ถ้าจ่ายเกิน บริษัทรวยขึ้น ถ้า 100 บาทคิดว่าบริษัทไม่เอา ขอเพิ่มเป็น 110 บาท รัฐบาลมาช่วยค่าต๋งไหม ต้องมีวิธีคิดแฟร์ๆ ถ้าให้ลงทุนต่อเนื่อง ต้องแฟร์ ไม่ใช่โอเวอร์แฟร์ ไม่งั้นประชาชนลำบาก ส่วนทางข้างล่าง รถติดมาก พอเศรษฐกิจกลับมารถติดแล้ว รัฐบาลเองต้องเอานโยบายที่พรรคเพื่อไทยประกาศคือการสร้างมหานครใหม่ ไม่ใช่มุ่งหาเงินแต่กรุงเทพฯหมด เมืองอื่นขาลีบ ต้องมีการปรับอะไร คงต้องแก้ไขแบบนั้น
ดูไบเนี่ยทะเลทรายเต็มไปหมด แต่เขาสร้างเมืองได้ ถ้าผมได้ทำกรุงเทพฯนะ ผมอยากจะทำ 2-3 อย่าง คือต้องกระจายความหนาแน่นส่วนกลาง คือถมทะเลตรงบางขุนเทียน แล้วมาสร้างเมืองใหม่เป็นโซนสีเขียวก็ได้ แล้วก็ไม่ให้มีใครกิจกรรมก่อมลพิษ ต้องสามารถขยายเมืองไปอีกส่วนหนึ่ง ให้ตรงกลางบางลง รถวิ่งได้มากขึ้น ทำทางรถไฟเชื่อมเมืองเก่า-ใหม่ แล้วสร้างเมืองไปต่างจังหวัด ขยายความเจริญไปหัวเมือง ต้องทำได้แล้ว ถ้ากู้เงินมาขนาดนี้ ทำเรื่องนี้ดีกว่าเอาไปแจก ซึ่งยั่งยืนกว่า ไปปรึกษากลุ่มแคร์ได้ วิธีคิดแบบนี้
ส่วนประเด็นเรื่อง จะนะ อันนี้ไง ถึงไม่ได้รับเชิญร่วมประชุมประชาธิปไตย ปณิธานมาโทษว่าคนแดนไกลไปล็อบบี้คือ เราต้องดูตัวเราว่าเป็นประชาธิปไตยไหม ไม่ใช่แค่เลือกตั้ง เรื่องของจะนะ เกิดจากกระบวนการเฮงซวยในระบบราชการ ศอ.บต.ตั้งมาเพื่อแก้ไขปัญหาในภาคใต้ ตอนยุบเพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร ส่งคนไปแต่ประโยชน์ได้น้อย ตอนหลังทวี สอดส่องไปทำกลับดี แต่ตอนนี้ไปให้อำนาจ ศอ.บต.ให้จัดวางยุทธศาสตร์พื้นที่ สรุปแล้ว มีโรงไฟฟ้า โรงงานกำจัดขยะ เรื่องของนิคมอุตสาหกรรม ให้เหมือนศอ.บต.เป็นเจ้าภาพ อีอีซีตะวันออก แล้วจิ้มเลย ทั้งที่เป็นที่สวยงานและอุดมสมบูรณ์แล้วมาเปลี่ยนพื้นที่สีเขียวเป็นอุตสาหกรรม แล้วคนหนึ่งไปหาประวิตร
ซึ่งใจถึงพึ่งได้ จัดการแล้วทำได้เลย วันนี้รู้ไหมว่าไฟฟ้าภาคใต้มีความต้องการน้อยกกว่ากำลังการผลิต ผลสุดท้ายจะกลายเป็นภาระของประชาชนเพราะต้องไปเซ็นสัญญากับหน่วยงานรัฐ พวกนี้มีหน้าที่เก็บเงินที่เอกชนลงทุน ทั้งที่ไฟใช้ไม่หมด ไม่มีเงินจ่ายก็ขึ้นค่าไฟ นี่คือบริหารไม่เป็น ถ้านายกฯจะเป็น จะต้องสามารถเข็นทุกคน ดูว่าเราควรลงทุนเพิ่มไหม แล้วบริษัทนี้จะทำตรงนี้
สรุปจะทำนิคมฯ เขาชำนาญปิโตรเคมี ชาวบ้านโวยมลพิษจะอยู่ยังไง ก็คุยกันแต่กลายเป็นมีธรรมนัส ซึ่งเขียนจดหมายเป็นห่วงชาวบ้าน ที่ไม่ได้พูดคุยเพราะไม่อยู่ในครม.แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คุยยังไม่สิ้นกระบวนความ ต้องคุยให้เสร็จ ตอนกรณีท่อก๊าซ ก็มีการคุยชัด ถ้าเราไม่เอา มาเลเซียก็เอาหมด เราเลยต้องทำ แล้วต้องขึ้น แต่คนละที่กับนิคมฯนะ แม้มีการคัดค้านพอสมควรแต่ก็เจรจาจนคลี่คลาย ไม่ใช่ว่าใช้คฝ.อย่างเดียว
ผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือ ทำให้ถูกต้อง ศอ.บต.ไม่มีอำนาจทำตรงนี้ ไม่ใช่อยู่ๆให้บริษัทเดียวจิ้ม แล้วเซ็นสัญญายังไงก็ไม่รู้ คือทำเร็วก่อนได้รับอนุมัติตามกฎหมาย คือต้องมีหลักการชัดเจนและตรวจพื้นที่ว่าถูกไหม กระทบต่อระบบนิเวศไหม ก่อมลพิษแค่ไหน ทั้งที่นายกฯไปร่วม COP26 แต่โครงการนี้อภิมหาก่อมลพิษเลย เหมือนซื้อหุ้น โอมิครอนมาก็ทนเอา จนโครงการไปได้ ถ้าไปไม่ได้ก็สร้างโรงแรม บังกะโลดีกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- โฆษกรัฐบาลแจง นายกฯ ไม่ได้สั่งสลายม็อบจะนะ ชี้ผู้ชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสี่ยงแพร่โรค
- นายกฯ ฉุนพวกอคติ ตีความแบ่งชนชั้นขึ้นทางด่วน
- อังคณา เคลื่อนไหวสลายชุมนุม #Saveจะนะ ฉะเป็นการกระทำน่าละอาย นายกฯ ต้องรับผิดชอบ
