CEO มนธิรา ไทบ้าน ลั่นผ่านสื่อ "ใครอยากได้ก็เอาไป" โนสนโนแคร์แค่ผู้ชายคนเดียว วอนสังคมเลิกดราม่า ผู้หญิงคนนี้มีศักดิ์ศรีมากพอ ขอจบเพื่อลูก
ความคืบหน้ากรณี นางสาวมนธิรา มูลกระแส อายุ 33 ปี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ไทบ้านทีวี ช่อง 83 ได้เดินทางมาพบกับทีมงานทนายประชาชนฯ ก่อนเดินทางกลับต่างจังหวัดพร้อมกับให้สัมภาษณ์เปิดใจอีกครั้งถึงกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ โดยผ่าน ปลัดจังหวัดบึงกาฬ เพื่อขอให้ตรวจสอบความประพฤติของ ผู้ใหญ่บ้านสาวคู่กรณีซึ่งภายหลังจากที่ยื่นหนังสือไปแล้วก็ยังคงมีกระแสดราม่าเข้ามาจนทำให้นางสาวมนธิรารู้สึกค่อนข้างเครียดกับปัญหาดังกล่าว อีกทั้งยังต้องการสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนแก่สังคมในมุมของผู้ถูกกระทำอีกด้วย
นางสาวมนธิรา บอกว่าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนมองว่าแม้จะเป็นเรื่องปัญหาในครอบครัวแต่ที่ต้องยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬก็เพียงเพราะแค่ต้องการให้ผู้เป็นนายโดยตรงของผู้ใหญ่บ้านสาวได้ทำการตรวจสอบพฤติกรรมความเหมาะสมของผู้ใหญ่บ้านในหน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่เท่านั้น แต่ในเรื่องส่วนตัวระหว่างตนเองกับพี่รักแท้ ขอยืนยันตรงนี้ได้เลยว่า “ตนไม่ได้ต้องการสามีคืนแต่อย่างใดใครอยากได้ก็เอาไป” เพราะวันนี้ตนรู้สึกเจ็บช้ำเป็นอย่างมากกับสิ่งที่พวกเค้าทำกับเรา ทั้งร่วมกันโกหกเรา ร่วมกันโกหกสังคม จนทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกสังคมโจมตี โดยที่สังคมก็ยังไม่ได้ฟังความจากปากเราเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราเจ็บสุดๆ คือคนที่อยู่กับเรามานานมากกว่า 10 ปี การทะเลาะกันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดาของสามีภรรยาเสมือนลิ้นกับฟัน
ที่ผ่านมาเมื่อทะเลาะกันแล้วก็หันหน้ามาพูดคุยกันเข้าใจกันแต่หนนี้เขาแอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่บ้านสาวแล้วยังยอมให้ผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งความกับเราอีก ซ้ำยังไปบอกกับสังคมว่าเลิกกับเรามานานแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อกลางปี 64 ยังทำบุญร่วมกันอยู่เลย
ขณะที่พ่อแม่ผู้ใหญ่สาวก็บอกว่าพี่รักแท้กับลูกสาวของเขานั้นคบกันมาปีกว่าแล้ว แสดงว่าทั้งสองคนแอบคบซ้อนในช่วงที่รักแท้ยังอยู่กับตนในฐานะสามีภรรยา ซึ่งในส่วนที่ผู้ใหญ่บ้านเข้าแจ้งความตนในข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น ตนก็อยากรู้ว่าเขาทำไปทำไมได้สามีเราไปแล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก จะเอาเราเข้าคุกให้ได้ใช่หรือไม่ เหมือนเราไปทำความผิดอะไรไว้มากมาย ทั้งๆ ที่เราก็มีลูกถึง 3 คนที่ต้องดูแล
แต่ก็ยังนับเป็นโชคดีที่ภายหลังจากที่เข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนสภ.เมืองบึงกาฬ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านสาวได้แจ้งความร้องทุกข์แล้วนั้น
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ โดยจะต้องมีการเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำอีกครั้ง
นางสาวมนธิราบอกอีกว่ามนเข้าใจว่าระหว่างมนกับรักแท้มันจบไปแล้ว มนพลาดเองที่เชื่อใจและก็ไม่คิดว่าเค้าจะทำกับมนได้อย่างนี้ ที่รักแท้ออกมากล่าวหามนว่ามนจดทะเบียนกับคนอื่นอยู่ มนบอกตรงนี้เลยว่าเขาตั้งใจโกหกเพื่อให้คนประนามมน เขารู้ความจริงข้อนี้ดีกว่าใคร มนเลิกกับสามีเก่าที่เป็นคนอิตาลีมา 15 ปีแล้วหย่าถูกต้องที่อิตาลี หลังจากนั้นอีก 2 ปีก็มาเจอพี่รักแท้มนไม่เข้าใจว่าพี่ต้องการอะไร มนไม่ใช่ผู้หญิงที่พูดเก่ง มนพูดหวานๆ ไม่เป็น ทุกวันนี้มนก็ทำงานให้ครอบครัวให้ลูก ให้พี่รักแท้อยู่อย่างสบายไม่ต้องทำงาน ของทุกอย่างที่เป็นหนี้ก็มีแต่ชื่อมนพอของซื้อเงินสดไม่ว่าจะเป็นรถบ้าน พี่ก็ใส่ชื่อตัวเองหมด มนไม่เคยคิดจุกจิกเรื่องพวกนี้เลย บ้านใหม่ที่สร้างก็หลายสิบล้าน ถ้ามนเลิกกับพี่จริงแล้วมนจะสร้างบ้านทำไม
“ขณะเรื่องที่มนต้องไปร้องผู้ว่าฯ ก็เพราะภรรยาใหม่พี่ แจ้งความมนจะเอามนติดคุก แล้วมนก็อยากให้ตรวจสอบว่าการที่ใส่เครื่องแบบแบบนี้แต่มายุ่งกับพี่รักแท้มันได้เหรอ อย่าบอกว่าไม่รู้ว่ามนยังอยู่กับพี่รักแท้ บ้านผู้ใหญ่กับบ้านมนใกล้กันแค่นี้ แล้วหลังจากที่มนให้ข่าวไปลูกน้องมนพึ่งจะยอมบอกว่าเจอผู้ใหญ่มาอยู่ที่บ้านมนตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ที่ไม่ยอมบอกก่อนเพราะลูกน้องไม่อยากให้เลิกกันจริงๆ ซึ่งที่ผ่านมามนยอมรับว่ามนทำแต่งาน อาจจะไม่มีเวลาไม่หวานเหมือนผู้หญิงคนอื่น แต่ทุกอย่างที่มนทำ มนทำเพื่อครอบครัวมนทำเพื่อลูก”
นางสาวมนธิรา มูลกระแส CEO ไทบ้านทีวีเปิดใจทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้มีสื่อฯ บางที่ไม่เข้าใจ นำความที่ได้ฟังจากข้างเดียวไปลงจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของตนและครอบครัว ซึ่งตนเองก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า วันนี้ตนไม่ได้ต้องการเรียกร้องเอาสามีคืนจากผู้ใหญ่สาว ผู้ชายคนเดียวใครอยากได้ก็เอาไป ส่วนตัวแล้วมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่รั้งคนที่ไม่รักเราและไม่นำมาเป็นสิ่งบั่นทอนทำให้เราหมดกำลังใจในการสู้ชีวิต เพราะวันนี้เราล้มไม่ได้ เราจะยังคงต้องเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อลูกๆ ทั้ง 3 คนที่พร้อมเป็นกำลังใจให้แม่สู้
โดยลูกๆ นั้นแม้จะไม่มีใครพูดอะไรแต่เราก็รู้ว่าลูกจะอยู่เป็นกำลังใจให้แม่สู้ต่อไป วันนี้ขอให้สังคมหยุดดราม่าใส่ตนได้แล้วเพราะตนไม่ได้คิดแย่งผู้ชายกลับคืนมาอย่างแน่นอน ทุกวันนี้ขออยู่อย่างมีศักดิ์ศรีทำงานหาเงินเพื่อลูกๆ และอยากฝากบอกว่าถ้าผู้ใหญ่สาวไม่แจ้งความตนเองก่อน ทางตนเองก็จะไม่ยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬให้ตรวจสอบความประพฤติของเขาเช่นกัน ต่างคนก็ต่างอยู่กันไป เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- CEO สาวควง ทนายตั้ม ยื่นหนังสือถึง ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เอาผิดวินัย ผู้ใหญ่บ้านคนสวย
- ปลัดจอมแฉ เปิดตำราวิเคราะห์ดราม่า CEO สาวฟ้อง ผู้ใหญ่บ้านคนงามบึงกาฬ ชี้ จดได้ไม่ผิด