กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “สายไหมต้องรอด” โพสต์คลิปวิดีโอเผยแพร่เรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ไปเล่นปั่นแปะในงานวัด และถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บังคับให้โอนเงินกว่า 300,000 บาท ภายใน 15 นาทีเท่านั้น
ล่าสุดวันที่ 20 ก.พ.65 เวลา 10.00 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย และคณะทำงานของเพจสายไหมต้องรอด ได้นำตัวของ น.ส.เปิ้ล อายุ 41 ปี หญิงสาวผู้เสียหายคนดังกล่าว เข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว และก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน น.ส.เปิ้ล ผู้เสียหาย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
น.ส.เปิ้ล เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปวานก่อนนี้ (18 ก.พ. 65) เวลาประมาณ 20.00 น. ตนและแฟนหนุ่มไปเดินเที่ยวงานประจำปีภายในวัดคู้บอน เขตคันนายาว กทม. ซึ่งในช่วงที่เดินชมงานก็ได้แวะเดินเล่นโซนเครื่องเล่น สังเกตเห็นกลุ่มคนตั้งโต๊ะเล่นปั่นแปะกันที่ขอบถนน หน้าร้านปาลูกโป่ง ตนและแฟนหนุ่มจึงเดินเข้าไปยืนดู ก็เห็นคนเล่นปั่นแปะเลือกวางเงินบนกระดาษที่ปูไว้บนโต๊ะ เลข 8 กับ เลข 3 เจ้ามือจะมีเสื่อสีน้ำตาลปูอยู่ตรงกลางระหว่างเลข 8 กับ เลข 3 ปั่นเหรียญและครอบด้วยถังพลาสติก ขนาดไม่ใหญ่มาก และให้คนที่มาเล่นเสี่ยงทาย
ขณะที่แฟนหนุ่มของตนเดินออกไปซื้อของกิน ทำให้ตนยืนดูวงปั่นแปะอยู่คนเดียว จากนั้นมีชายแก่หญิงแก่คู่หนึ่ง ชักชวนให้ตนเล่นด้วย แต่ตนปฏิเสธเพราะไม่มีเงินสด เขาก็บอกให้ตนใช้เงินเขาเล่นไปก่อน หลังจากนั้นชายแก่ก็จับมือตนหยิบเงินจำนวน 3,000 บาท ของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะวางเสี่ยงทายเลขตรงกันข้าม แต่สุดเมื่อทายผิดตนกลับต้องเป็นคนจ่ายเงินให้เจ้ามือ ครั้งแรกตนต้องโอนเงินให้เจ้ามือมากถึง 6,000 บาท
หลังจากนั้นเริ่มมีอาการสะลึมสะลือ มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด ทั้งชายและหญิงกว่า 10 คน หนีออกจากตรงนั้นไม่ได้ และมีหญิงสาววัย 30 กว่า ๆ มาพูดตีสนิทและคอยเชียร์ว่า “เอาสิ ๆ เชื่อสิ” โดยจะพูดชี้นำให้ตนนำเงินไปแทงฝั่งโน้นฝั่งนี้ บางครั้งก็จับมือตนไปยักเงิน ตนก็พยายามบอกว่าไม่อยากเล่น จะเดินหนีแต่ก็ออกมาไม่ได้เพราะมีคนยืนบังเต็มไปหมด ซึ่งตอนนั้นตนที่อยู่ในอาการงุนงงก็ยอมทำตามหลายครั้ง แต่ก็แพ้ทุก ๆ ครั้งและต้องโอนเงินจ่ายให้เจ้ามือหลายครั้ง โดยรวมเป็นเงินจำนวน 295,000 บาท ภายในเวลา 15-20 นาที ก่อนที่แฟนหนุ่มของตนจะเดินกลับมา และดึงตนออกจากวงปั่นแปะ ตนก็บอกกับแฟนหนุ่มว่าเสียเงินเกือบ 3 แสนบาท ส่วนฝั่งของเจ้ามือหลังจากที่ได้เงินของตน เจ้ามือก็พับโต๊ะเลิกเล่นและแยกย้ายทันที
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กลับมาคิดทบทวนแล้ว ตนก็เชื่อว่าถูกหลอกและเชื่อว่าคนที่อยู่ในกลุ่มปั่นแปะเป็นพวกหน้าม้าของเจ้ามือ ที่มีการเตรียมการกันมาหลอกลวง ตนจึงตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด หวังจะได้เงินก้อนดังกล่าวคืน เพราะเป็นเงินที่ตนหามาทั้งชีวิต และเป็นเงินส่วนสำคัญที่ตนจะต้องใช้ซื้อขายที่ดินในวันที่ 25 ก.พ.65 และตนก็ไม่อยากให้ใครต้องมาสูญเสียเงินเหมือนตน ทั้งนี้ในตอนเกิดเหตุนั้นตนต้องยอมโอนเงิน เพรากลัวว่าเขาจะทำอันตราย ไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่นเพื่อไถ่ถอนเงินคืน ส่วนบัญชีปลายทางที่ตนโอนเงินไปเป็นชื่อของ 3 บุคคล
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.พรรคเพื่อไทย และผู้ก่อตั้งคณะทำงานของเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้หลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียน ตนและคณะทำงานก็ได้ดอดลงพื้นที่ไปดู ก็พบว่าการเล่นปั่นแปะพวกนี้มีอยู่จริง โดยจะตั้งโต๊ะเล่นตามหน้าร้านปาลูกโป่ง และมีการ์ดชุดดำ หัวเกรียนยืนคอยเฝ้าอยู่ จึงเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง
วันนี้ตนได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.คันนายาว และได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุและสอบถามจากพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในจุดเกิดเหตุนั้น พวกพ่อค้าแม่ค้าก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครชอบกลุ่มเจ้ามือปั่นแปะเลย เพราะพวกนี้มันสร้างความเดือดร้อน การ์ดมายืนเต็มทำให้ลูกค้าไม่กล้าเข้าร้าน ใครเดินถ่ายคลิปพวกการ์ดก็สั่งให้ลบคลิป ซึ่งเขารู้กันหมดแต่พ่อค้าแม่ค้าเขาพูดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ่อนวิ่งจะอยู่ในงานวัดที่ห่างจากโรงพักเพียง 100 เมตร แต่ตนก็ยังคงเชื่อว่าตำรวจ สน.คันนายาว อาจจะไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะพวกบ่อนวิ่งเป็นอะไรที่มาเร็วและไปเร็ว แต่ตนก็อยากฝากตำรวจให้ช่วยกวดขันดูแล และผู้ประกอบการก็ควรเกรงใจโรงพัก ไม่ควรมาจัดเล่นใกล้ตำรวจขนาดนี้
เวลา 13.30 น. ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปที่วัดคู้บอน บริเวณที่จัดงานอีกครั้ง พบว่ากลุ่มผู้ประกอบการปาโป่ง ตุ๊กตา ได้เก็บของออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามคนงานของร้านปาโป่ง เปิดเผยว่า มีคำสั่งจากนายจ้างให้เก็บของขนย้ายตั้งแต่เช้า ตนเป็นเพียงลูกจ้าง ก็ทำตามโดยที่ไม่รู้ว่านายจ้างกับผู้จัดงานไปพูดคุยกันว่าอย่างไร ซึ่งพวกตนจะย้ายไปจัดที่งานอื่น ซึ่งตนคิดว่าสาเหตุที่ให้พวกตนย้ายออก เป็นเพราะพวกบ่อนวิ่งที่ทำให้มีปัญหา
